คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในช่วงเวลาที่เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาตามป.วิ.อ.มาตรา87จำเลยได้ทำสัญญาประกันขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปเมื่อจำเลยไม่นำผู้ต้องหามามอบให้เจ้าพนักงานตามข้อสัญญาแม้ระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตให้เจ้าพนักงานควบคุมสิ้นไปแล้วจำเลยก็ยังต้องรับผิดตามสัญญาประกัน ผู้ต้องหาที่จำเลยขอประกันไปจากกรมศุลกากรโจทก์ถูกตั้งข้อหาพยายามลักลอบนำสินค้าหนีภาษีราคาประมาณห้าล้านบาทเข้ามาในราชอาณาจักรมีโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาสินค้าซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งจำทั้งปรับโจทก์ปรับจำเลยฐานไม่ส่งตัวผู้ต้องหา2คนตามสัญญาประกันรวมเป็นเงิน300,000บาทเป็นจำนวนค่าปรับที่สมควรแล้ว.

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 300,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจจะชำระหนี้เสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 600บาทแทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าจำเลยต้องรับผิดตามสัญญาประกันหรือไม่นั้น จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาตามกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 87 เท่านั้น เมื่อระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตให้เจ้าพนักงานควบคุมสิ้นไป สัญญาประกันจะไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะไม่จำต้องมีประกันตัวผู้ต้องหาอีกเนื่องจากเจ้าพนักงานควบคุมผู้ต้องหาไม่ได้แล้ว บทบังคับที่ให้นายประกัันส่งตัวผู้ต้องหาน่าจะไม่มีต่อไปพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้งสองถูกจับในข้อหาร่วมกันพยายามลักลอบนำสินค้าหลบหนีภาษีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร ตามพระราชบบัญญัติศุลกากร เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา87 ในช่วงเวลาที่เจ้าพนักงานมีอำำนาจควบคุม จำเลยได้ทำสัญญาประกันขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองไป เมื่อจำเลยไม่นำผู้ต้องหามามอบให้เจ้าพนักงานตามข้อสัญญาประกัน จำเลยจึงต้องริบผิดตามสัญญาประกัน
ปัญหาว่าควรลดค่าปรับให้จำเลยหรือไม่นั้น โจทก์สั่งปรับจำเลยที่ไม่สามารถส่งมอบตัวนายหลี ฮุง กุย ผู้ต้องหา 200,000 บาทการที่ไม่สามารถส่งมอบตัวนายศักดา รงคค์บัณฑิต ผู้ต้องหา 100,000บาท รวมปรับ 300,000 บาท ตามสัญญาข้อ 4 ระบุว่าถ้าจำเลยผู้ขอประกันไม่นำตัวผู้ต้องหามาส่งมอบตามสัญญาหรือไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาได้ด้วยเหตุใด ๆ จำเลยผู้ขอประกันยอมรับผิดทุกประการและยินดีให้โจทก์ปรับเป็นเงินตามที่เห็นสมควร โดยคำนวณค่าปรับจากราคาและภาษีอากรของสินค้าที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นเกณฑ์ พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้งสองที่จำเลยขอประกัน ถูกตั้งข้อหาพยายามลักลอกนำสินค้าหนีภาษี ราคาประมาณห้าล้านบาทเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเรือบรรทุกสินค้าต่างประเทศ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2496 มาตรา 27 ซึ่งมีโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาสินค้า ซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งจำทั้งปรับ หากจำเลยไม่ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกไปผู้ต้องหาทั้งสองจะถูกปรับเป็นเงินถึงสี่เท่าของราคาสินค้ารวมค่าภาษีอากรเข้าด้วยแล้ว หรืออาจถูฏจำคุกถึงสิบปี เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ทำให้โจทก์ไไม่สามารถดำเนินการให้มีการลงโทษผู้ต้องหาทั้งสองได้ ฉะนั้นการที่โจทก์ปรับจำเลยฐานไม่ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองรวมเป็นเงินเพียง 300,000 บาท เป็นจำนวนค่าปรับที่สมควรแล้ว แม้จำเลยจะได้พยายามตามหาผู้ต้องหาทั้งสองมาส่งมอบให้โจทก์แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถนำผู้ต้องหาทั้งสองมาส่งมอบได้ จึงไม่มีเหตุที่จะลดค่าปรับให้จำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 600 บาท แทนโจทก์.โจทก์”.

Share