แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 9 กันยายน 2553 ขอให้ศาลชั้นต้นเรียก ส. พนักงานคุมความประพฤติกับ ก. นายช่างรังวัดที่ดินมาไต่สวนโดยอ้างว่า ส. เป็นผู้ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ตไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองประโยชน์ผู้เยาว์จนเป็นเหตุให้ผู้เยาว์เสียเปรียบในการแบ่งแยกที่ดินนั้น ถือได้ว่าเป็นการร้องต่อศาลให้สั่งการโดยอ้างว่า การกระทำของผู้กำกับการปกครองไม่เป็นไปตามที่ศาลมอบหมายตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 169 วรรคสาม ซึ่งมีบทบัญญัติให้ผู้อยู่ใต้การกำกับการปกครองต้องร้องต่อศาลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้ทราบการกระทำ เมื่อผู้ร้องทราบเรื่องที่พนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตแบ่งแยกที่ดินให้แก่ผู้เยาว์ก่อนมายื่นคำร้องเกิน 15 วัน กรณีไม่มีเหตุที่ศาลจะรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาและผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กหญิงวิภารัตน์ ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและแบ่งแยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1073 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต กับนายนัทธี แทนผู้เยาว์ เพื่อให้ที่ดินที่แบ่งแยกนั้นเป็นของนายนัทธีและผู้เยาว์คนละ 1 แปลง โดยตั้งให้ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้กำกับการใช้อำนาจปกครองในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์เพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้เยาว์ด้วย
ต่อมาวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งแยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1073 ระหว่างนายนัทธีกับผู้เยาว์ และเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1821
นายนัทธียื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดพร้อม ศาลชั้นต้นไกล่เกลี่ยแล้วผู้ร้องกับนายนัทธีแถลงว่าจะไปดำเนินคดีเพื่อมีการแบ่งแยกที่ดินเป็นคดีอื่นต่างหาก
หลังจากนั้น วันที่ 9 กันยายน 2553 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เรียกนายสมศักดิ์ พนักงานคุมประพฤติ และนายกิตติชัย นายช่างรังวัดที่ดินมาไต่สวนว่าได้กระทำตามหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 9 กันยายน 2553 ขอให้ศาลชั้นต้นเรียกนายสมศักดิ์ พนักงานคุมประพฤติกับนายกิตติชัย นายช่างรังวัดที่ดินมาไต่สวนโดยอ้างว่านายสมศักดิ์ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ตไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองประโยชน์ของผู้เยาว์จนเป็นเหตุให้ผู้เยาว์เสียเปรียบในการแบ่งแยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1073 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นั้น ถือได้ว่าเป็นการร้องต่อศาลให้สั่งการโดยอ้างว่าการกระทำของผู้กำกับการปกครองไม่เป็นไปตามที่ศาลมอบหมายตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 169 วรรคสาม ซึ่งมีบทบัญญัติให้ผู้อยู่ใต้การกำกับการปกครองต้องร้องต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้ทราบการกระทำ ทั้งนี้ปรากฏจากคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ได้ความว่าผู้ร้องทราบเรื่องที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตแบ่งแยกที่ดินให้แก่ผู้เยาว์เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1821 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 2 งาน 44 ตารางวา ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าขาดหายไป 1 งาน 39.33 ตารางวา ในวันที่ 15 สิงหาคม 2552 แต่ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีการไต่สวนว่าผู้กำกับการปกครองปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ศาลมอบหมายหรือไม่ในวันที่ 9 กันยายน 2553 การร้องต่อศาลดังกล่าวจึงเกิน 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด กรณีไม่มีเหตุที่ศาลจะรับคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 9 กันยายน 2553 ไว้พิจารณา ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ