คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีเกิดจากเป็นปากเสียงแล้วบันดาลโทสะสมัครใจวิวาทจะเข้าทำร้ายกันและจำเลยเป็นฝ่ายลงมือแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนีถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัว
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรงๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายนายธวัช แซ่ตั้ง ผู้ตายถูกที่หน้าอกขวาทะลุปอดโดยเจตนาฆ่า ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ริบมีดของกลาง

จำเลยให้การว่า จำเลยใช้มีดแทงป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 จำคุก 10 ปี มีดของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีเกิดจากเป็นปากเสียงแล้วบันดาลโทสะสมัครใจวิวาทจะเข้าทำร้ายกัน และจำเลยเป็นฝ่ายลงมือแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนี ผู้ตายจึงขับตามไป ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัว และการที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงไปตรง ๆ ที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share