คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์จำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาหลายนัดและในการอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีที่แล้วมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับจำเลยและกำหนดเงื่อนไขการเลื่อนคดีของจำเลยในเหตุเจ็บป่วยหากจะมีอีกไว้แล้วแต่จำเลยไม่นำพาจะปฏิบัติตามพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลกำชับไว้เป็นการประวิงคดีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดีแม้จะเป็นคำสั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกก็ตาม การแก้ไขจำนวนเงินในเช็คพิพาทที่เป็นตัวเลขให้ตรงกับจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรโดยไม่ทราบเจตนาของจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ใช่การแก้ไขที่เป็นสาระสำคัญที่ทำให้เช็คพิพาทเสียไปตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1007วรรคหนึ่งเพราะแม้ไม่มีการแก้ไขจำเลยก็ต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา12อยู่แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารสหธนาคารจำกัด สาขาเทเวศร์ 1 ฉบับ ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2533 จำนวนเงิน220,000 บาท ต่อมานายดิสพงษ์ วรปาณิ นำเช็คดังกล่าวมาขายลดให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำไปเข้าบัญชีโจทก์ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาวงเวียนใหญ่เพื่อเรียกเก็บเงินปรากฎว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2533ให้เหตุผลว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่เหมือนตัวอย่างที่ให้ไว้โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันฟ้องเป็นเงินค่าดอกเบี้ย 16,319.18 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 236,319.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 220,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คตามฟ้อง เนื่องจากมีการแก้ไขในช่องตัวเลขจำนวนเงิน มีการปลอมลายมือชื่อของจำเลยลงกำกับไว้เช็คดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม จำเลยไม่จำต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ในการรับซื้อลดเช็คดังกล่าวนางรัตนา วรปาณิ ได้เข้าเป็นผู้ค้ำประกันและมอบสมุดเงินฝากประจำเลขที่ 2597 พร้อมทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวชำระหนี้ของผู้นำเช็คไปขายลดได้ แต่โจทก์หาได้หักเงินจากบัญชีของนางรัตนาเพื่อชำระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการขายลดเช็คไม่ คงหน่วงเหนี่ยวบัญชีเงินฝากของนางรัตนาไว้การกระทำของโจทก์เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน236,319.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน220,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาจำเลยข้อแรกที่ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบทั้งที่เป็นการนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก เป็นเหตุให้จำเลยไม่มีโอกาสนำสืบพยานหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยไม่มีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มภาคภูมินั้น เห็นว่า ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาหลายนัด และในการอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีที่แล้วมา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับจำเลยและกำหนดเงื่อนไขการเลื่อนคดีของจำเลยในเหตุเจ็บป่วยหากจะมีอีกไว้แล้ว ทั้งนี้โดยมุ่งประสงค์ไม่ให้จำเลยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาขอเลื่อนคดีเพื่อการประวิงคดี แต่จำเลยไม่นำพาจะปฏิบัติตาม พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลกำชับไว้ เป็นการประวิงคดี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยประวิงคดี แม้จะเป็นคำสั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกก็ตาม ศาลฎีกาก็เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาตามฎีกาจำเลยข้อต่อไปที่ว่า ลายมือชื่อที่ลงกำกับการแก้ไขจำนวนเงินในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อปลอมหรือไม่นั้นเห็นว่า การแก้ไขรายการเช็คพิพาทช่องจำนวนเงินให้ตรงกับยอดจำนวนเงินที่ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนั้น แม้จะฟังว่าผู้แก้ไขจะไม่ใช่จำเลย ลายมือชื่อที่ลงกำกับการแก้ไขไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยดังจำเลยฎีกาเรียกร้องจะขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามเช็คพิพาทได้ เพราะจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900ส่วนข้อความที่แก้ไข แม้ไม่มีการแก้ไขจำเลยก็ต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเพราะไม่สามารถทราบเจตนาที่แท้จริงว่าจำเลยต้องการสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเท่าใด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 12 อยู่แล้ว การแก้ไขจำนวนเงินในเช็คพิพาทให้ตรงกับจำนวนเงินที่ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร จึงไม่ใช่การแก้ไขที่เป็นสาระสำคัญที่ทำให้เช็คพิพาทเสียไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1007 วรรคหนึ่ง เช็คพิพาทมีผลสมบูรณ์บังคับได้ตามกฎหมายจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share