คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทนายโจทก์ร่วมซึ่งมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาไปในทางจำหน่ายสิทธิของโจทก์ร่วมได้ เช่นการถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ร่วมเรียบร้อยแล้วโจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปขอถอนคำฟ้องของโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้ว โจทก์จำเลยไม่ค้าน ดังนี้พฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยได้ยอมความกันแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณานายมานพ จิระประยูร ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (1) จำคุก 1 ปี
จำเลยฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทนายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องของโจทก์ร่วม จำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นสอบคู่ความตามคำสั่งของศาลฎีกาแล้ว ทนายโจทก์ร่วมแถลงว่าโจทก์ร่วมประสงค์จะขอถอนคำร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์และจำเลยไม่ค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทนายโจทก์ร่วมคดีนี้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในศาลไปในทางจำหน่ายสิทธิของโจทก์ร่วมได้เช่น การถอนฟ้องการประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิ ดังนั้น เมื่อปรากฏตามคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ร่วมว่าจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ร่วมเรียบร้อยแล้ว โจทก์ร่วมไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยได้ยอมความกันแล้ว คดีนี้เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

Share