คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6659/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายคงมีแต่คำเบิกความของมารดาผู้ตายว่า ผู้ตายเล่าให้ฟังว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย กับคำเบิกความของ ส. และพนักงานสอบสวนซึ่งสอบปากคำผู้ตายที่ป่วยหนักใกล้จะตายต่อหน้า ส.ที่โรงพยาบาลว่าผู้ตายบอกว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ผู้ตายจึงดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปและโจทก์อ้างคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ตาย มารดาผู้ตายและพี่สาวเป็นพยานประกอบ แต่พยานโจทก์ดังกล่าวล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้ตายทั้งคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ตายก็เพียงแต่ให้การว่าจำเลยหลอกลวงไปข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง มิได้มีรายละเอียดว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราเมื่อใดและอย่างไร และมิได้ให้การว่าผู้ตายดื่มยาฆ่าหญ้าเพราะถูกจำเลยข่มขืมกระทำชำเราตามที่พนักงานสอบสวนเบิกความ คำให้การของผู้ตายมีข้อน่าสงสัยและมีน้ำหนักน้อย พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัยไม่มั่นคงเพียงพอ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๒๗๗, ๓๑๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑, ๒๗๗, ๓๑๗ วรรคสาม จำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี ๑๘ ปี จำคุกฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากมารดา ๑๐ ปี รวมจำคุก ๒๘ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายไปพักอาศัยที่บ้านจำเลยพร้อมกับนางสาววันดีพี่สาวและนางสาวจันทร์เพ็ญด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ และวินิจฉัยว่าส่วนปัญหาเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา แม้จะได้ความจากที่โจทก์นำสืบว่า ผลการตรวจร่างกายผู้ตายของแพทย์โรงพยาบาลนครปฐมว่าผู้ตายผ่านการร่วมเพศมาแล้ว ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผล เอกสารหมาย จ.๕ ก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นในการที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย คงมีแต่คำของนางน้อย สะอาดเอี่ยม มารดาผู้ตาย นางสาวลดาวัลย์ ปฐมชัยคุปต์ พยาบาลประจำโรงพยาบาลนครปฐม และร้อยตำรวจเอกสมควร อินทรเกษตร พนักงานสอบสวนพยานโจทก์ซึ่งเบิกความว่า นางน้อยได้สอบถามผู้ตายที่โรงพยาบาล ผู้ตายเล่าให้ฟังว่าถูกจำเลยหลอกลวงไปข่มขืนกระทำชำเราที่บ้านจำเลยและร้อยตำรวจเอกสมควรได้สอบปากคำผู้ตาย ซึ่งกำลังป่วยหนักใกล้จะตาย ต่อหน้านางสาวลดาวัลย์ที่โรงพยาบาล ผู้ตายบอกว่า ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราที่บ้านจำเลย ผู้ตายจึงดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปและโจทก์อ้างคำให้การชั้นสอบสวนของนางน้อย นางสาววันดีและผู้ตาย เอกสารหมาย จ.๒, จ.๔ และ จ.๗ มาเป็นพยานประกอบ ศาลฎีกาเห็นว่าพยานโจทก์ดังกล่าวล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้ตาย ผู้ตายให้การในชั้นสอบสวนแต่เพียงว่าจำเลยหลอกลวงไปข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง มิได้มีรายละเอียดว่าจำเลยข่มขืนผู้ตายเมื่อใดและอย่างไร ทั้งยังมิได้ให้การว่าผู้ตายดื่มยาฆ่าหญ้าเพราะถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราตามที่ร้อยตำรวจเอกสมควรเบิกความอีกด้วย เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของผู้ตายที่กินยานอนหลับก่อนไปพักอาศัยที่บ้านจำเลยด้วยความสมัครใจพร้อมกับนางสาว วันดีพี่สาวและนางสาวจันทร์เพ็ญ ประกอบกับคำเบิกความของนางสาวจันทร์เพ็ญ พยานจำเลยที่ว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย และผู้ตายกินยาฆ่าหญ้าในคืนที่ไปถึงบ้านจำเลยนั่นเองแล้ว เห็นว่าคำให้การของผู้ตายดังกล่าวยังมีข้อน่าสงสัยอยู่และมีน้ำหนักน้อย จำเลยก็ให้การปฏิเสธตลอดมา ที่ร้อยตำรวจเอกสมควรเบิกความว่าในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าผู้ตายสมัครใจมาที่บ้านจำเลยและยินยอมให้จำเลย ร่วมประเวณีเองนั้น โจทก์ก็หาได้อ้างคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมาเป็นพยานให้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ คำเบิกความดังกล่าวของ ร้อยตำรวจเอกสมควรจึงรับฟังไม่ได้ พยานโจทก์ที่นำสืบยังเป็นที่สงสัยไม่มั่นคงเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
พิพากษายืน

Share