แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่า บุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดา จำเลยให้การรับว่า จำเลยกับโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว เช่นนี้ ประเด็นที่ว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียว การที่จำเลยแถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาล และได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน 4 คนซึ่งเป็นผู้เยาว์ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงเลิกจากการเป็นสามีภริยากัน โจทก์ยอมให้จำเลยรับบุตรไปเลี้ยงดูชั่วคราว แต่ต้องอยู่ในนครหลวง แต่จำเลยกลับนำบุตรไปอยู่จังหวัดเชียงราย และปล่อยให้บุตรไปอยู่ในความดูแลของผู้อื่น บุตรทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบบุตรทั้งสี่คืนให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริง เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะอยู่กินเป็นภริยาจำเลยต่อไปโจทก์จำเลยได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ให้ทำบันทึกข้อตกลงไว้ว่าโจทก์ยินดียกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว จำเลยเลี้ยงดูให้การศึกษาบุตรสมฐานะ โจทก์ไม่มีอาชีพเป็นหลักฐาน ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
วันชี้สองสถานจำเลยแถลงรับว่าไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรทั้งสี่คนว่าเป็นบุตร ศาลให้เลื่อนการชี้สองสถานรอรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติ ในวันนัดต่อมาจำเลยส่งสำเนาคำสั่งศาลจังหวัดเชียงรายกับสำเนาทะเบียนการรับรองบุตรต่อศาลพร้อมกับแถลงว่า หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว จำเลยได้ไปร้องขอต่อศาลจังหวัดเชียงรายให้สั่งแสดงว่าบุตรทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย เมื่อศาลจังหวัดเชียงรายสั่งแสดงให้แล้วจำเลยได้ไปจดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร โจทก์แถลงคัดค้านว่าการที่จำเลยไปยื่นคำร้องต่อศาลภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นให้งดการชี้สองสถาน และการสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบบุตรทั้งสี่คนให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นกล่าวหาว่าจำเลยกับโจทก์อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผลตามกฎหมายว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรส จำเลยไม่มีอำนาจปกครอง อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(5)จำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน 4 คน จริง ต่อสู้เพียงว่าจำเลยมีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสี่โดยโจทก์ตกลงยกบุตรทั้งสี่ให้จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูแต่ผู้เดียว ฉะนั้นประเด็นที่ว่าผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ นั้น จึงเป็นอันยุติต้องฟังว่า ผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรนอกสมรสของจำเลย การที่จำเลยเพียงแต่แถลงต่อศาลในภายหลังว่าจำเลยมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งศาลและได้จดทะเบียนรับรองบุตรด้วยนั้น ไม่ก่อให้เกิดประเด็นวินิจฉัยขึ้นอีก ผู้เยาว์ทั้งสี่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ฝ่ายเดียว อำนาจปกครองอยู่กับโจทก์ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามที่จำเลยอ้างไม่มีผลให้อำนาจปกครองบุตรทั้งสี่ตกอยู่กับจำเลย
พิพากษายืน