คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่1ให้จำเลยที่2เช่านาพิพาทและยอมรับรู้ในการที่จำเลยที่2เอานาพิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงด้วยโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517มาตรา41เมื่อจำเลยที่2ซื้อนาพิพาทจากจำเลยที่1โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2ได้นับแต่วันที่จำเลยที่1จดทะเบียนโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่2ส่วนมติคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดที่ให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่2เพราะโจทก์ตักดินไปขายมีขึ้นภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่2จึงมิอาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่นา โจทก์เช่าที่นาจากจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ขายที่นาให้จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อที่นาคืนจากจำเลยที่ 2 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองโอนที่นาให้แก่โจทก์ และรับเงินจากโจทก์ไปหากไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า เดิมที่นาเป็นของจำเลยที่ 2 แล้วขายให้จำเลยที่ 1 และเช่าจากจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 2 ให้โจทก์เข้าทำนาแทน โดยโจทก์มอบค่าเช่าให้จำเลยที่ 2 เพื่อนำไปชำระจำเลยที่ 1 ครั้นจำเลยที่ 2 ซื้อที่นาคืนจากจำเลยที่ 1 โจทก์ทราบดีและไม่โต้แย้ง โจทก์ไม่ใช่ผู้เช่านาจากจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องการแจ้งการขายให้ทราบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 โอนที่นาให้กับโจทก์และรับชำระราคาไป ยกคำขอที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาว่าโจทก์ได้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่ 1 จริงหรือไม่…ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมให้โจทก์เช่านาพิพาทและยอมรับรู้ในการที่จำเลยที่ 2 เอานาพิพาทไปให้โจทก์เช่าช่วงด้วยเมื่อโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่ 1 เจ้าของเดิมโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517มาตรา 41 และเมื่อจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นผู้ซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 ในปี พ.ศ. 2522 และไปจดทะเบียนโอนปรากฏตามหลักฐานเอกสารหมาย ล.2 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2523 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์ย่อมมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 ได้
ส่วนปัญหาที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าได้มีมติคณะกรรมการควบคุมการเช่านาเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2524 ให้โจทก์คืนนาทั้งหมดแก่จำเลยที่ 2 … เห็นว่า โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยทั้งสองได้นับแต่วันจำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันจดทะเบียนโอนวันที่ 24 เมษายน 2523 ส่วนมติคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดลพบุรีเพิ่งจะมีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2524 ภายหลังสิทธิที่โจทก์จะขอซื้อนาพิพาทเกือบ 1 ปี และมติของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาดังกล่าวก็เป็นเรื่องต่างประเด็นกันด้วยกล่าวคือเมื่อจำเลยที่ 2 ซื้อนาจำเลยที่ 1 แล้วได้กล่าวหาว่าโจทก์ตักดินในนาพิพาทไปขายจึงขอเลิกการเช่าในที่สุดคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดฟังว่า โจทก์ได้ตักดินไปขายจริง จึงมีมติให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 2 มติของคณะกรรมการดังกล่าวซึ่งมีในภายหลังที่โจทก์มีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ได้ทั้งโจทก์ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับในภายหลัง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,250 บาทแทนโจทก์”.

Share