คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในหนังสือไม่ได้ระบุการเผื่อตายไว้โดยตรง แต่มีคำว่าพินัยกรรม์และข้อความในนั้นก็แสดงว่าผู้ทำตั้งใจยกทรัพย์ให้เมื่อตายแล้วดังนี้ แม้จะมีข้อความว่าได้มอบทรัพย์ให้ตั้งแต่วันทำหนังสือนั้นก็ตาม ก็ยังคงถือว่าเป็นหนังสือพินัยกรรม์ หนังสือมีข้อความเป็นพินัยกรรม์แต่ระบุว่าได้มอบทรัพย์และได้ลงชื่อผู้มอบผู้รับมอบและพะยานกับผู้เขียนด้วยนั้น ก็คงถือว่าสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกมฤดก จำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้จำเลย หนังสือนั้นลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๔๘๕ มีข้อความว่า นางทองดี (ผู้ตาย) ทำหนังสือพินัยกรรม์มอบให้จำเลย ข้อ ๑ ระบุถึงที่บ้าน ข้อ ๒ ระบุที่นา ข้อ ๓ ระบุถึงกระบือและสิ่งของที่อยู่บนเรือน แล้วมีข้อความขึ้นย่อหน้าใหม่ว่า “ทรัพย์ทั้งหลายที่กล่าวนี้ให้ได้รับคนละส่วน ฯลฯ นอกจากบุตร์ ๒ คนนี้แล้ว ไม่มีใครจะมีหน้าที่เข้ามารับทรัพย์ที่ที่กล่าวแล้วเป็นอันขาด ข้าพเจ้าได้มอบให้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาความ ๒๔๘๕ เป็นต้นไป” ต่อจากนี้ลงชื่อผู้มอบผู้รับมอบแลพะยาน ๓ คนผู้เขียน ๑ คน
ศาลชั้นต้นว่าหนังสือนั้นไม่เป็นพินัยกรรม์ จึงพิพากษาให้แบ่งมฤดก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นพินัยกรรม จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นพินัยกรรม แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำโดยตรงกำหนดการเผื่อตายไว้ แต่ก็มีคำว่าพินัยกรรมและถ้อยคำทั้งหมดแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำอย่างเด่นชัดว่าประสงค์ให้แบ่งทรัพย์ของตนเมื่อตายแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share