คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 เอารถมาแลกเปลี่ยนกับรถคันที่พิพาท โดยตีราคารถและเพิ่มเงินให้เท่ากับราคาของรถคันที่พิพาท และได้ส่งมอบรถพร้อมกับเงินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบริการขายรถเก่าไปแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ซื้อรถยนต์คันที่พิพาทซึ่งเป็นรถยนต์เก่ามาจากในร้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพ่อค้าขายรถยนต์เก่า เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์อันจะถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตแต่ประการใด จำเลยที่ 2 ก็หาจำต้องคืนรถยนต์คันที่พิพาทให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าของแท้จริงไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบรถยนต์ของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งดำเนินกิจการค้ารถยนต์โดยใช้ชื่อว่า “ชาญบริการ” ไปเพื่อขาย กำหนดเงื่อนไขด้วยวาจาว่า ถ้าใครจะซื้อให้มาพบโจทก์ก่อนเพื่อจะได้ชำระราคาให้แก่โจทก์เป็นเงิน 120,000 บาท แล้วโจทก์จะโอนทะเบียนให้ ถ้าจำเลยที่ 1 ขายได้ราคาเกินกว่าที่โจทก์กำหนด ให้ตกเป็นส่วนของจำเลยที่ 1 แต่จะบอกขายต่ำกว่าราคาที่โจทก์กำหนดไม่ได้ ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้ขายรถยนต์ของโจทก์ไปแล้ว โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบตามเงื่อนไข และต่อมาจึงทราบว่ารถยนต์ของโจทก์ไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ยอมคืนให้โจทก์อ้างว่าซื้อจากจำเลยที่ 1 ซึ่งการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำไปโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 คืนรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ก็ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า รถยนต์คันพิพาทโจทก์มอบหรือเชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการขาย การกระทำของโจทก์กับจำเลยที่ 1 เข้าลักษณะตัวการตัวแทน จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ตีราคาแลกกับรถที่พิพาท โดยตีราคารถที่พิพาท 185,000 บาท และตีราคารถของจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 118,000 บาท จำเลยที่ 2 จึงต้องเพิ่มเงินให้แก่จำเลยที่ 1 อีก 67,000 บาท จ่ายให้เป็นเช็คและถูกเรียกเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว การซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการซื้อขายกันในท้องตลาดโดยทั่วไปและโดยเปิดเผย จำเลยที่ 2ไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์เองเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถของโจทก์ไปตั้งวางขายในร้ายบริการซื้อขายแลกเปลี่ยนของจำเลยที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 2 เข้าใจว่าเป็นรถของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถที่พิพาทใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของ หากไม่ยอมไปโอน ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาฟังว่า จำเลยที่ 1 รับรถคันพิพาทไปจากโจทก์เพื่อนำไปขายและจำเลยที่ 1 ได้ขายรถคันพิพาทให้จำเลยที่ 2 แล้วโดยยังไม่ได้ชำระราคาให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามฟ้องส่วนจำเลยที่ 2 ซื้อรถคันพิพาทในท้องตลาดด้วยความสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกรถคันพิพาทคืนจากจำเลยที่ 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 120,000 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย และให้โจทก์จัดการโอนทะเบียนรถคันพิพาทใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของภายใน 15 วัน ถ้าไม่ไปโอน ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 2 เอารถมาแลกเปลี่ยนกับรถคันที่พิพาทโดยตีราคาและเพิ่มเงินให้เท่ากับราคารถคันพิพาท และได้ส่งมอบรถพร้อมกับเงินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบริการขายรถเก่าไปแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ซื้อรถยนต์คันที่พิพาทซึ่งเป็นรถยนต์เก่ามาจากในร้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพ่อค้าขายรถยนต์เก่า โดยไม่ปรากฎพฤติการณ์อันจะถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตแต่ประการใด จำเลยที่ 2 จึงหาจำต้องคืนรถยนต์คันที่พิพาทให้แก่โจทก์ (ผู้เป็นเจ้าของแท้จริง) ไม่ ฯลฯ

พิพากษายืน

Share