แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าติดใจสืบเฉพาะตัวจำเลยเท่านั้น หากนัดหน้าจำเลยไม่มาศาลหรือไม่มีพยานมาศาลให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดี เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยหลังสืบตัวจำเลยแล้ว ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีเพื่อขอสืบพยานอื่น ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าเป็นอันหมดพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นไปตามที่จำเลยแถลงไว้และเป็นไปโดยชอบแล้ว
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้เช่า ผู้เช่าจะยกเป็นข้อต่อสู้คดีหาได้ไม่
ปัญหาที่จำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยปัญหานี้มา ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวที่เช่า และให้ส่งมอบตึกแถวคืนในสภาพเรียบร้อย กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าตามฟ้องกับโจทก์ ก่อนครบกำหนดเวลาเช่า โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าต่อ โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งโดยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้พิพากษาบังคับโจทก์ให้ไปจดทะเบียนเช่าตึกแถวตามฟ้องให้จำเลยหากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ให้จำเลยนำค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน ๗ วัน จำเลยไม่ชำระภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยออกจากตึกแถวเลขที่ ๒๔๒ ถนนอำนวยสงคราม แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และส่งมอบให้โจทก์ กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ ๑๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกจากตึกแถวดังกล่าวและส่งมอบให้โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า ศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานจำเลยไม่ชอบ เห็นว่า ในวันสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปสืบพยานจำเลยนัดต่อไป ทนายจำเลยแถลงว่า ติดใจสืบเฉพาะตัวจำเลยเท่านั้น หากนัดหน้าจำเลยไม่มาศาลหรือไม่มีพยานอื่นมาศาลให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานต่อไป เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยหลังจากสืบตัวจำเลยแล้ว ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีเพื่อขอสืบพยานหักล้างค่าเสียหายที่โจทก์เรียกกรณีที่ตึกแถวพิพาทเกิดไฟไหม้ที่ชั้น ๔ โจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทนายจำเลยแถลงไว้ในนัดก่อนว่าติดใจสืบพยานเฉพาะตัวจำเลยและแถลงด้วยว่า ถ้านัดหน้าจำเลยไม่มาศาลหรือไม่มีพยานอื่นมาศาลให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานเมื่อถึงวันนัดพยานจำเลยมาศาลเพียงตัวจำเลยคนเดียว จึงถือว่าจำเลยติดใจเพียงสืบพยานเฉพาะตัวจำเลยและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าเป็นอันหมดพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นไปตามที่จำเลยแถลงไว้ และเป็นไปโดยชอบแล้ว
จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่า ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทในการชี้สองสถานไม่ครบถ้วน เพราะจำเลยให้การว่าโจทก์ตกลงทำสัญญาเช่ากับจำเลยใหม่ เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยอ้างว่า ทนายจำเลยได้ส่งหนังสือยืนยันข้อตกลงเรื่องการเช่าตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ ไปยังโจทก์ มีหลักฐานการส่งหนังสือเป็นใบรับฝากไปรษณียภัณฑ์ลงทะเบียนแต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์รับรู้หรือตกลงกับจำเลย จำเลยคงอ้างแต่เพียงว่า โจทก์รับเงินธนาณัติไว้แล้วตามใบรับธนาณัติซึ่งก็เป็นเพียงหลักฐานการรับเงินของพนักงานไปรษณีย์ ไม่มีข้อความเกี่ยวกับเรื่องการเช่า จึงมิใช่หลักฐานที่เป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๘ จำเลยจะยกเป็นข้อต่อสู้ว่า มีการทำสัญญาเช่ากันใหม่มิได้ เรื่องใบเสร็จรับเงินค่าเช่าที่จำเลยอ้างว่ามีชื่อโจทก์จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การ ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยปัญหานี้มา ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่มิได้มากล่าวกันมาโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญาเช่าตามฟ้องสิ้นอายุแล้ว จำเลยหมดสิทธิที่จะอยู่ในตึกแถวพิพาทและเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทคงมีแต่เรื่องความรับผิดในค่าภาษีและค่าเสียหาย จึงเป็นไปโดยชอบแล้ว
พิพากษายืน.