แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การบังคับคดีโดยการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เบื้องต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 284 กล่าวเป็นหลักการสำคัญไว้เพียงว่า เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ หรือศาลจะได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ห้ามไม่ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี โดยไม่ได้กล่าวถึงการชำระหนี้ด้วยทรัพย์ที่ยึดหรืออายัดไว้นั้นว่าจะกระทำโดยประการใดหรือจะแบ่งภาระแห่งหนี้กันอย่างไร ดังนี้ เมื่อมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว การจะชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดนั้นประการใดจึงเป็นข้อที่จะต้องว่ากล่าวกันต่อไป คดีนี้ไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติเรื่องการยึดหรืออายัดหรือศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการยึดหรืออายัดไว้เป็นอย่างอื่นและตามบทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่บังคับว่าการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นต้องกระทำไปทีละสิ่งเสมอไปแต่อย่างใด เมื่อได้ความตามบันทึกของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าที่ดินอันเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 นั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดน่านประเมินราคาไว้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งโจทก์ยืนยันต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า มีหนี้ที่จะต้องชำระยังเหลือหนี้จำนวนมากโดยที่โจทก์ก็อ้างอยู่ว่าจำเลยที่ 9 ไม่มีทรัพย์สินอื่น ทั้งแถลงจะรับผิดชอบในความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 9 ไม่ได้นำสืบโต้แย้งให้รับฟัง ได้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในบัญชีประเภทฝากประจำ และประเภทออมทรัพย์ ธนาคาร ท. ของภริยาจำเลยที่ 9 เพื่อให้ได้ชำระหนี้ด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 จึงไม่เกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดี จึงไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว เมื่อหนี้ที่ต้องชำระเป็นหนี้ส่วนตัวของจำเลยที่ 9 จึงต้องบังคับชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 ก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระหนี้ด้วยเงินฝากอันเป็นสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 ต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1488
เมื่อมีการถอนอายัดครั้งก่อนแล้ว การอายัดครั้งหลังย่อมไม่เป็นอายัดซ้ำ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจหน้าที่กระทำได้ตามหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 9 กับพวกร่วมกันชำระเงิน 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแก่โจทก์ จำเลยที่ 9 กับพวกไม่ชำระ โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดี บัญชีประเภทออมทรัพย์และประเภทฝากประจำของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ ภริยาจำเลยที่ 9 ในฐานะสินสมรส ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2552 ต่อมาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 222 ตำบลปงสนุก อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 มีราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี 337,200 บาท ราคาประเมินที่ใช้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 236,750 บาท หลังจากนั้นโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากของภริยาจำเลยที่ 9 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาอีก เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ทำการอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในบัญชีประเภทออมทรัพย์และบัญชีประเภทฝากประจำของภริยาจำเลยที่ 9 กึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรส
จำเลยที่ 9 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้เพิกถอนการอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าว
โจทก์คัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 9 ที่ขอให้เพิกถอนการอายัดสิทธิเรียกร้อง แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปแล้ว ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรอการจ่ายเงินที่ธนาคารส่งมาตามคำสั่งอายัดไว้ก่อนจนกว่าการขายทอดตลาดที่ดินสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 เสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้ จึงอนุญาตให้จ่ายเงินที่ธนาคารส่งมาตามคำสั่งอายัดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 9 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้เพิกถอนการอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในบัญชีประเภทฝากประจำ และประเภทออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดี ของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ ภริยาจำเลยที่ 9 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิขออายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในบัญชีประเภทฝากประจำ และประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดี ของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ ภริยาจำเลยที่ 9 ได้หรือไม่ เห็นว่า การบังคับคดีโดยการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 กล่าวเป็นหลักการสำคัญไว้เพียงว่า เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ หรือศาลจะได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ห้ามไม่ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี โดยไม่ได้กล่าวถึงการชำระหนี้ด้วยทรัพย์ที่ยึดหรืออายัดไว้นั้นว่าจะกระทำโดยประการใดหรือจะแบ่งภาระแห่งหนี้กันอย่างไร ดังนี้ เมื่อมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้วการจะชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดนั้นประการใดจึงเป็นข้อที่จะต้องว่ากล่าวกันต่อไป คดีนี้ไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติเรื่องการยึดหรืออายัดหรือศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการยึดหรืออายัดไว้เป็นอย่างอื่นและตามบทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่บังคับว่าการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นต้องกระทำไปทีละสิ่งเสมอไปแต่อย่างใด เมื่อได้ความตามบันทึกของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าที่ดินอันเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 นั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดน่านประเมินราคาไว้ 337,200 บาท ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งโจทก์ยืนยันต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า มีหนี้ที่จะต้องชำระ 2,200,000 บาท ยังเหลือหนี้จำนวนมาก โดยที่โจทก์ก็อ้างอยู่ว่าจำเลยที่ 9 ไม่มีทรัพย์สินอื่น ทั้งแถลงจะรับผิดชอบในความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 9 ไม่ได้นำสืบโต้แย้งให้รับฟังได้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น การอายัดสิทธิเรียกร้องเงินฝากในบัญชีประเภทฝากประจำ และประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดีของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ ภริยาจำเลยที่ 9 เพื่อให้ได้ชำระหนี้ด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 จึงไม่เกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดี จึงไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อหนี้ที่ต้องชำระเป็นหนี้ส่วนตัวของจำเลยที่ 9 จึงต้องบังคับชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของจำเลยที่ 9 ก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระหนี้ด้วยเงินฝากอันเป็นสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 ส่วนที่จำเลยที่ 9 แก้ฎีกาในข้อสาระสำคัญว่า การอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีครั้งหลังเป็นการอายัดซ้ำต้องห้ามและเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจบังคับคดีนั้น เห็นว่า เมื่อมีการถอนอายัดครั้งก่อนแล้ว การอายัดครั้งหลังย่อมไม่เป็นอายัดซ้ำ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจหน้าที่กระทำได้ตามหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล ส่วนข้อที่อ้างว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เงินฝากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไว้ไม่อาจแยกได้ว่าเงินส่วนไหนเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น เห็นว่า การจะบังคับคดีแก่ทรัพย์สินใดคงจะต้องวินิจฉัยด้วยว่าทรัพย์สินนั้นอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีหรือไม่ การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวของศาลชั้นต้นไม่เป็นการนอกประเด็น สรุปแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจอายัดเงินฝากในบัญชีทั้งสองของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ อันเป็นสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 ได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้อายัดเงินฝากในบัญชีประเภทฝากประจำ และบัญชีประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดี ของนางยุวเรศหรือยุวเรศมคฐ์ สินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 โดยให้ชำระหนี้ด้วยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินสินส่วนตัวของฝ่ายจำเลยที่ 9 ก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยเงินฝากสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายจำเลยที่ 9 ดังกล่าวต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ