คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ที่บัญญัติถึงสิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินที่มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ซื้อส่วนหนึ่งของที่ดินของนิคมสร้างตนเองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ซึ่งโจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแม้โจทก์จะซื้อมาโดยสุจริต โจทก์ผู้รับโอนมาก็ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น เพราะการโอนมิได้อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 จำเลยครอบครองที่ดินดังกล่าวอยู่ก่อน ย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองปลูกบ้านคนละหนึ่งหลังอยู่ในที่พิพาทมาก่อน ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของรัฐ โดยเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนิคมสร้างตนเองอยู่ในความดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ โจทก์ซื้อไว้ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะโอนให้แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของรัฐอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์และยังมิได้จัดสรรให้ผู้ใด โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลย่อมได้สิทธิและมีอำนาจฟ้อง พิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารกับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง (อ้างฎีกาที่ ๖๒๒/๒๕๑๐)
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตรเขยและบุตรนายโม้ปลูกบ้านที่อยู่ในที่พิพาท นายโม้ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ โจทก์จึงนำยึดที่พิพาทขายทอดตลาดโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของนายโม้ โจทก์ซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลชั้นต้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๕ บัญญัติว่า “ทรัพย์สินซึ่งเป็น
สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา” ดังนั้น การโอนที่พิพาทแก่กันโดยมิได้อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๕ และโจทก์ผู้รับโอนไม่มีสิทธิในที่พิพาท ส่วนที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๐ บัญญัติว่า “สิทธของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ โดยคำพิพากษา หรือล้มละลาย” นั้น ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินที่มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนั้น แม้โจทก์จะซื้อที่พิพาทโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลเมื่อที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งโอนให้แก่กันไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๕ โจทก์ก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาท และจำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ก่อน จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน.

Share