แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและให้การรับสารภาพแต่ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้เจ้าพนักงานกันจำเลยไว้เป็นพยาน ครั้นการไม่เป็นไปตามความประสงค์เมื่อคดีมาสู่ศาล จำเลยก็กลับให้การต่อสู้คดีตลอดมา เช่นนี้ แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยจะเป็นประโยชน์ก็สมควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๓ คนปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ คงรับแต่ข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาวางโทษจำคุก ๑๒ ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามมาตรา ๙๒ เป็นโทษ ๑๖ ปี และลดฐานปรานีตามมาตรา ๗๘ เพราะคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คงให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้กำหนดโทษจำเลย ๑๐ ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามรวมเป็นโทษ ๑๓ ปี ๔ เดือน และลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย ๖ ปี ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาว่าควรลดโทษให้จำเลยเพียงหนึ่งในสาม
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ปัญหามาสู่ศาลฎีกาในข้อดุลพินิจว่า การที่จำเลยให้การรับชั้นสอบสวนในคดีนี้ ศาลควรลดโทษให้จำเลยเท่าไร คดีนี้ แม้จำเลยจะเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและให้การรับสารภาพ แต่ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้เจ้าพนักงานกันจำเลยไว้เป็นพยาน ครั้นการไม่เป็นไปตามความประสงค์ เมื่อคดีมาสู่ศาล จำเลยก็กลับให้การต่อสู้คดีตลอดมา แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยจะเป็นประโยชน์ก็ดี การที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามในกรณีเช่นนี้ก็นับว่าสมควรแก่ดุลพินิจแล้ว
พิพากษาแก้ ให้ลดโทษหนึ่งในสาม คงให้จำคุกจำเลย ๘ ปี ๑๐ เดือน ๒๐ วัน.