แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีพิจารณาอาญา หน้าที่นำสืบพะยานใบชันสูตร์คำรับสารภาพ โจทย์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายเจ้าทุกข์ถึงสาหัสดังปรากฎตามรายงานชันสูตร์บาดแผลที่ส่งต่อศาลจำเลยให้การรับสารภาพดังนี้ ถ้าโจทก์ไม่นำสืบว่าบาดแผลเจ้าทุกข์ถึงสาหัสตามฟ้องร้องจริงศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสไม่ได้ฎีกาอุทธรณ์ ปัญหากฎหมายข้อที่ว่าบาดแผลเช่นนี้จะถึงสาหัสหรือไม่เป็นปัญหากฎหมาย
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าจำเลยใช้หลาวแทง ล.มีบาดแผลสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๕๖ ปรากฎตามรายงานชันสูตร์บาดแผลว่าถูกแทงเหนือสะดือ เจ้าพนักงานผู้ชันสูตร์สันนิษฐานไว้ในช่องพิเคราะห์เหตุว่า ” ถูกของมีคมแทงสาหัสรักษาเกินกว่า ๒๐ วัน ”
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้แทง ส.มีบาดเจ็บสาหัสจริงศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๖
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสตามฟ้อง จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๔
โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องถือว่าบาดแผลนั้นถึงสาหัสตาม ม.๒๕๖
ศาลฎีกาเห็นว่าตามรายงานชันสูตร์ปรากฎเพียงว่าเจ้าพนักงานสันนิษฐานแต่ตาม ม.๒๕๖ ข้อ ๘ เมื่อโจทย์ฟ้องกล่าวแต่ว่าต้องรักษาเกินกว่า ๒๐ วันเท่านั้น ยังฟังไม่ได้ว่าเจ้าทุกข์มีบาดแผลสาหัสตาม ม.๒๕๖ ข้อ ๘ แลเห็นว่าบาดแผลอย่างนั้นอย่างนี้จะถือว่าถึงสาหัสหรือไม่นั้น เป็นปัญหากฎหมายและคำให้การของคนหนึ่งคนใดในเรื่องชนิดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหากฎหมายตามคำรับสารภาพต้องหมายแต่เพียงว่า จำเลยรับว่าได้ทำร้ายจริงตามรายงานชันสูตร์ที่โจทก์ส่งท้ายฟ้อง และหน้าที่ฉะเพาะศาลจะตัดสินว่าการที่จำเลยกระทำนั้นเข้าบทกฎหมายมาตราใด จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์