แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภรรยามีชื่อในโฉนดที่ดินฐานเป็นตัวแทนของผู้อื่น แล้วโอนที่ให้แก่ตัวการไปเช่นนี้สามีจะขอให้ทำลายการโอนไม่ได้เพราะไม่ใช่สินบริคณห์ตามประมวลแพ่ง ม.38
ย่อยาว
ได้ความว่า ต.จำเลยที่ ๒ มีที่นาอยู่แห่งหนึ่งแต่ยังไม่มีโฉนด ต.ไปต้องโทษ จ.ภรรยากับ อ.จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตร์ได้ปกครองไว้แทน แล้ว จ.เอาที่ดินรายนี้ไปขายฝากไว้แก่นายโต โจทก์มาได้ อ.จำเลยที่ ๑ เป็นภรรยา ครั้นเจ้าพนักงานรังวัดที่รายนี้ออกโฉนด นายโตจึงเอาชื่อของตนกับ อ.จำเลยที่ ๑ ใส่ในโฉนดว่าเป็นเจ้าของ เมื่อ จ.ไถ่ที่รายนี้นายโตก็ถอนชื่อตนออกจากโฉนด คงเหลือแต่ชื่อ อ.จำเลยที่ ๑ คนเดียว ครั้น ต.จำเลยที่ ๒ พ้นโทษออกมา อ.จำเลยที่๑ จึงโอนที่ให้แก่ ต.จำเลยที่ ๒ โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลทำลายการโอนโดยกล่าวว่าที่ดินรายนี้เปนสินสมรส อ.ไม่มีอำนาจเอาไปทำสัญญายกให้แก่ ต.ได้
ศาลเดิมตัดสินว่า ที่นารายนี้เป็นสินบริคณห์ระวางโจทก์กับ อ.จำเลยที่ ๑ ๆ จะเอาไปโอนให้ ต.จำเลยที่ ๒ โดยไม่ได้รับความยินยอมของโจทก์ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลแพ่ง ม.๓๘ จึงให้ถอนชื่อ ต.จำเลยที่ ๒ ออกจากโฉนด
ศาลฎีกาแลศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่นารายนี้ไม่ใช่เป็นสินสมรสระวางโจทก์กับ อ.จำเลยที่ ๑ ๆ เป็นแต่ตัวแทนของ ต.จำเลยที่ ๒ เท่านั้น อ.จำเลยที่ ๑ ก็มีอำนาจจะโอนที่รายนี้คืนให้แก่ ต.จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นเจ้าของได้ ไม่เข้าในข้อห้ามตามประมวลแพ่ง ม.๓๘ จึงตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์เสีย