คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามบันทึกคำแสดงเจตนาอุทิศที่ดินให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์มีข้อความชัดเจนว่าจำเลยยอมยกที่ดินให้ทางราชการจัดการเข้าทำการสร้างถนนสาธารณะได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเทศบาลก็ได้ยอมรับที่ดินที่จำเลยอุทิศแล้ว โดยเทศบาลให้คนงานกรุยขอบทางจนรู้เขตแน่นอนแล้วว่าที่ดินที่จำเลยและคน อื่น ๆอุทิศให้เป็นทางสาธารณะอยู่ตรงไหน ดังนี้ แม้เทศบาลจะยังมิได้ทำถนนตามแนวทางพิพาท ทางพิพาทก็ตกเป็นทางสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว การที่จำเลยขอให้ทางการออกโฉนดทับแนวทางพิพาทในภายหลังก็ดี การที่จำเลยกั้นรั้วปิดแนวทางพิพาทก็ดี ไม่ทำให้แนวทางพิพาทกลับคืนมาเป็นของจำเลยอีกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ทางเดินสาธารณะยาวประมาณ ๓๐๐ เมตร กว้าง ๘ เมตรซึ่งโจทก์และประชาชนใช้เดินมานานแล้ว ต่อมาเจ้าของที่ดินทางสาธารณะนี้ผ่านรวมทั้งโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือยกที่ดินที่เป็นทางเดินดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะ เทศบาลตำบลปากแพรกได้ดำเนินการสร้าง ตัด วางแนวไว้เรียบร้อยแล้ว โจทก์และประชาชนได้ใช้ทางสายนี้ตลอดมา ต่อมาจำเลยได้ปิดกั้นและทำรั้วลวดหนามรอบที่ดินจำเลยปิดกั้นทางเดินสาธารณะโจทก์และประชาชนไม่อาจใช้ทางเดินนี้ได้ โจทก์เดือดร้อนและเสียหายไปมาไม่สะดวก ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนและเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยมีทางสาธารณะผ่านที่ดินจำเลย โจทก์กับเทศบาลสมคบกันขุดร่องเป็นเขตทางกว้าง ๘ เมตร จำเลยจึงไปห้ามและเทศบาลก็มิได้จัดการอะไรต่อไป โจทก์และประชาชนมิได้ใช้เป็นทางเดิน ต่อมาจำเลยได้ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของจำเลย ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านเรื่องทางสาธารณะ ทางราชการได้ออกโฉนดให้แล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยยกที่ดินให้เป็นทางสาธารณะ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำหนังสือยกที่ดินให้เทศบาลตำบลปากแพรกทำถนนผ่านที่ดินจำเลย เจ้าหน้าที่กรุยทางผ่านที่ดินจำเลยแล้วแต่ยังไม่เป็นทางสาธารณะ เพราะประชาชนยังมิได้ใช้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังได้ว่า จำเลยได้อุทิศที่ดินเพื่อประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแล้ว ที่ดินส่วนนั้นย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นทางพิพาท พิพากษากลับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาทออก และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินของโจทก์จำเลยและผู้อื่นอีก ๔ – ๕ รายตั้งอยู่ระหว่างถนนประชาอุทิศกับลำห้วย เดิมเป็นที่นา เจ้าของที่ดินอาศัยเดินตามคันนาไปยังที่ของตนได้ พ.ศ. ๒๕๐๖ โจทก์ได้ชักชวนจำเลยและเจ้าของที่ดินอื่น ๆ ให้อุทิศที่ดินเพื่อทำถนนแยกจากถนนประชาอุทิศผ่านที่ดินเหล่านี้โดยทำหนังสืออุทิศที่ดินไว้ตามเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๗ เว้นนางแพร้วคนเดียวไม่ยอมอุทิศที่ดิน โจทก์กับพวกจึงออกเงินซื้อที่ดินของนางแพร้วตามแนวถนนผ่าน ปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๗ เทศบาลตำบลปากแพรกได้ทำแนวทางโดยขุดร่องกว้าง ๕๐ เซ็นติเมตรทั้งสองข้างแนวทาง ตั้งต้นที่ถนนประชาอุทิศตัดตรงไปทางทิศตะวันออก ผ่านที่ดินโจทก์จำเลยและคนอื่น ๆ ไปจนจดลำห้วย
ปัญหาว่า แนวทางพิพาทดังกล่าวเป็นทางสาธารณะหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามบันทึกคำแสดงเจตนาอุทิศที่ดินให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์ เอกสาร จ.๑ มีข้อความชัดเจนอยู่แล้วว่า จำเลยยอมยกที่ดินให้ทางราชการจัดการเข้าทำการสร้างถนนสาธารณะได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเทศบาลตำบลปากแพรกก็ได้ยอมรับที่ดินที่จำเลยอุทิศแล้วโดยเทศบาลตำบลปากแพรกได้ให้คนงานกรุยขอบทางจนรู้เขตแน่นอนแล้วว่าที่ดินที่โจทก์จำเลยและคนอื่น ๆ อุทิศให้เป็นทางสาธารณะอยู่ตรงไหนแม้ทางเทศบาลตำบลปากแพรกจะยังมิได้ทำถนนตามแนวทางพิพาททางพิพาทก็ตกเป็นทางสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วการที่จำเลยขอให้ทางการออกโฉนดทับแนวทางพิพาทในภายหลังก็ดีการที่จำเลยกั้นรั้วปิดแนวทางพิพาทเสียก็ดีไม่ทำให้แนวทางพิพาทกลับคืนมาเป็นของจำเลยอีกได้
พิพากษายืน

Share