แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายได้มอบกระบือและรถจักรยาน 2 ล้อ ให้จำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลรักษาโดยเก็บรักษาไว้ที่นาเพื่อใช้ทำนาและไร่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายได้มอบหมายให้จำเลยยึดถือครอบครองทรัพย์นั้นแทนผู้เสียหาย การยึดถือครอบครองทรัพย์จึงอยู่ที่จำเลย หาใช่ยังอยู่ที่ผู้เสียหายไม่ เมื่อจำเลยเอาทรัพย์นั้นไปให้แก่บุคคลอื่น จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หาใช่ลักทรัพย์ตามฟ้องไม่ เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามฟ้องในข้อสาระสำคัญซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย จะลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักกระบือและรถจักรยาน ๒ ล้อหรือรับของโจรทรัพย์ดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑) จำคุก ๓ ปี จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๓๕๗ จำคุก ๓ ปี และให้จำเลยทั้งสองต่างคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๗,๕๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะจำเลยที่ ๑ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ความว่าผู้เสียหายได้มอบทรัพย์ที่หายให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ควบคุมดูแลรักษา โดยเก็บรักษาไว้ที่นาเพื่อใช้งานดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์ดังกล่าว ผู้เสียหายได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ ยึดถือครอบครองทรัพย์ที่หายไว้แทนผู้เสียหาย การยึดถือครอบครองทรัพย์ดังกล่าวจึงอยู่ที่จำเลยที่ ๑ หาใช่การยึดถือครอบครองดังกล่าวยังอยู่ที่ผู้เสียหายไม่ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ ๑ เอากระบือและรถจักรยาน ๒ ล้อตามฟ้องที่ได้รับมอบหมายไว้ไปให้แก่บุคคลอื่นไปก็ดี ก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้เบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องไม่ เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามฟ้องในข้อสาระสำคัญ ซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัย
พิพากษายืน