คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่า โจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตรา ห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและ ในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าเช็คเขียนสั่งจ่ายไม่ถูกต้อง แสดงว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คโดยมีเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์มอบอำนาจให้นายเวียงฟ้องคดีนี้แทนตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วนตัว

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายสุรพลจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษจำคุก

นายสุรพลจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายสุรพลจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วนตัว เป็นคำสั่งที่มิชอบเพราะโจทก์มิได้ฟ้องนายสุรพลเป็นจำเลยด้วยนั้น เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความมีข้อความระบุว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอสบี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยนายสุรพล บุญชู หุ้นส่วน ผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวที่ 1 จำเลย และหน้าคำฟ้องก็ระบุว่าโจทก์ขอยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยนายสุรพล บุญชู หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 พอเข้าใจได้ว่าโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยนายสุรพลหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และนายสุรพลในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2 แม้โจทก์จะกล่าวรวมกันมาเป็นจำเลยที่ 1 แต่ในการบรรยายฟ้องตอนต่อมากล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ข้อความที่กล่าวมานี้พอเข้าใจได้ว่าเช็ครายพิพาทที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเช็คของห้างหุ้นส่วน จำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น ซึ่งนายสุรพลได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการฟ้องจำเลยรวมสองคนมิใช่คนเดียว ส่วนฎีกาของจำเลยที่ให้ถือเอาหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์ส่งอ้างในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง อันเป็นหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องในคดีอื่นซึ่งมิได้ระบุมอบอำนาจให้ฟ้องนายสุรพลมาเป็นหลักวินิจฉัยในเรื่องนี้เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วนตัวไว้พิจารณาจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share