คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่พอใจหาว่าผู้เสียหายเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันฟุตบอลไม่ยุติธรรม จึงกลับไปบ้านนำเอาอาวุธปืนสั้นมีกระสุนบรรจุอยู่แล้วขับรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดในสนามฟุตบอลห่างผู้เสียหายประมาณสามเมตร จำเลยหยิบปืนจากใต้เบาะรถจักรยานยนต์เดินเข้าไปหาผู้เสียหายอาวุธปืนยังอยู่ในซองปืน แม้จำเลยถืออาวุธปืนโดยปากกระบอกปืนชี้มาทางผู้เสียหาย แต่ก็ไม่ได้จ้องปืนมาทางผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าแย่งอาวุธปืนเสียก่อน การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสั้นจำนวน 1 กระบอกพร้อมกระสุนปืน 6 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปตามถนนไปที่สนามของโรงเรียนบ้านถิ่นวิทยาคารโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นอาวุธจะยิงนายอารักษ์โดยเจตนาฆ่า ขณะที่จำเลยกำลังเหนี่ยวไกปืน นายอารักษ์เข้าขัดขวาง และมีผู้แย่งเอาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยจึงไม่สามารถยิงนายอารักษ์ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371, 91พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ

จำเลยให้การรับสารภาพว่า มีอาวุธปืนและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจริงแต่ไม่มีเครื่องกระสุนปืน และปฏิเสธข้อหาพยายามฆ่า

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ยกฟ้องข้อหาฐานพยายามฆ่า

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 อีกกระทงหนึ่ง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุมีการแข่งขันฟุตบอล จำเลยเป็นหัวหน้าทีมและผู้เล่นทีมบ้านโปร่งสี เล่นกันรุนแรง ผู้เสียหายซึ่งเป็นกรรมการตัดสินสั่งยุติการแข่งขัน จำเลยไม่พอใจและกลับบ้านนำเอาอาวุธปืนมีกระสุนบรรจุอยู่ของบิดาจำเลยแล้วขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในสนามฟุตบอลซึ่งขณะนั้นมีการแข่งขันฟุตบอลคู่ที่สอง จำเลยจอดรถจักรยานยนต์ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 3 เมตร แล้วจำเลยลงจากรถหยิบอาวุธปืนนั้นจากใต้เบาะรถเข้าไปหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายคว้าที่ลูกโม่ปืนแล้วล็อกคอจำเลยไว้ ต่อมามีบุคคลอื่นเข้าแบ่งอาวุธปืนไป เมื่อตอนจำเลยลงจากรถหยิบปืนจากใต้เบาะรถเดินมาหาผู้เสียหาย ปืนสั้นขนาด .38 อยู่ในซองปืน พอจำเลยขยับปืนจะเอาออกจากซองพอเห็นลูกโม่ผู้เสียหายก็คว้าที่ลูกโม่ปืน อีกมือล็อกคอจำเลยไว้ ดันปืนหนีจากทางตัวผู้เสียหายไปทางขวามือจำเลย ปากกระบอกปืนชูขึ้นลงราว 1 นาทีก็มีผู้อื่นมาแบ่งปืนจำเลยไปขณะมือผู้เสียหายกำปืนอยู่ก่อนผู้เสียหายจะเข้าแย่งปืนจำเลยถือโดยปากกระบอกปืนชี้มาทางผู้เสียหาย ขณะผู้เสียหายดันปืนออกจำเลยจะดันปืนมาทางผู้เสียหาย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า อาวุธปืนยังอยู่ในซองหนัง แม้จำเลยถืออาวุธปืนโดยปากกระบอกปืนชี้มาทางผู้เสียหายแต่ก็ไม่ได้จ้องปืนมาทางผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าแย่งอาวุธปืนเสียก่อน การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80

Share