แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษมีข้อความแสดงว่าผู้ฝากได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารย่อมเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิแก่ผู้ฝากที่จะเรียกถอนเงินฝากคืน หาใช่เพียงแต่แสดงรายการการฝากเงินและชื่อ ผู้ฝากไม่ จึงเป็นเอกสารสิทธิ การที่จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารต่าง ๆ แล้วนำไปยื่นแสดงต่อ ว.ผู้ช่วยกงสุล สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยนั้น กระทำไปเพื่อประสงค์ให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน (วีซ่า)ให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา การปลอมเอกสารของจำเลยที่ 1 ย่อมเห็นได้ว่ามีเจตนาอย่างเดียวที่จะให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน (วีซ่า) ให้เท่านั้น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการตาม ป.อ. มาตรา 265 เพียงกรรมเดียว แม้เอกสารที่จำเลยที่ 1 ทำปลอมขึ้นจะเป็นเอกสารต่างชนิดกันก็หาทำให้เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ และการที่จำเลยที่ 1นำเอกสารต่าง ๆ ตามฟ้องไปยื่นแสดงต่อ ว. ซึ่งเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมอีกกรรมหนึ่ง แต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารเหล่านั้นเอง จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมได้เพียงกระทงเดียว ตามป.อ. มาตรา 268 วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 83, 91, 264, 265, 268 ริบเอกสารปลอมของกลางทั้งหมด
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นสั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 วรรคแรก, 265, 268 วรรคสองจำเลยที่ 1 ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารราชการต่างประเภทกันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และแม้จำเลยที่ 1 จะได้ร่วมกันใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกัน ต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้แต่ละกระทงที่ปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้สมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษเลขที่7045 อันเป็นเอกสารสิทธิของธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาคลองตันฐานร่วมกันปลอมและใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดวีระยุทธ แทรเวิล ใบสำคัญการสมรส สำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 520/12 ใบรับรองผลการตรวจเลือดทหารกองเกิน สูติบัตรสำเนาทะเบียนคนเกิดอันเป็นเอกสารราชการ รวม 7 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 14 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี ให้ริบเอกสารปลอมของกลางทั้งหมด ที่จำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษไว้นั้น พิเคราะห์แล้วพฤติการณ์แห่งคดียังไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อที่ว่าสมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษ เป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ และการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าสมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษไม่ใช่เอกสารสิทธิ ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานปลอมเอกสารสิทธิไม่ได้ แม้ปัญหานี้จำเลยที่ 1 จะเพิ่งยกข้ออ้างในชั้นฎีกาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยให้ เห็นว่า สมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษมีข้อความแสดงว่าผู้ฝากได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร ย่อมเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิแก่ผู้ฝากที่จะเรียกถอนเงินฝากคืน หาใช่เพียงแต่แสดงรายการการฝากเงินและชื่อผู้ฝากไม่ จึงเป็นเอกสารสิทธิฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันเห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารต่าง ๆ ตามฟ้องแล้วนำไปยื่นแสดงต่อนายวัฒนา วิเศษเธียรกุล ผู้ช่วยกงสุลสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยนั้น ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ 1กระทำไปเพื่อประสงค์ให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน(วีซ่า) ให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาดังที่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพและฎีกาขึ้นมา การปลอมเอกสารของจำเลยที่ 1ย่อมเห็นได้ว่ามีเจตนาอย่างเดียวที่จะให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน (วีซ่า) ให้เท่านั้น ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 เพียงกรรมเดียว แม้เอกสารที่จำเลยที่ 1 ทำปลอมขึ้นจะเป็นเอกสารต่างชนิดกันก็หาทำให้เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ และการที่จำเลยที่ 1 นำเอกสารต่าง ๆตามฟ้องไปยื่นแสดงต่อนายวัฒนา วิเศษเธียรกุล ซึ่งเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมอีกกรรมหนึ่ง แต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารเหล่านั้นเองจึงลงโทษจำเลยที่ 1ฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมได้เพียงกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง…”
พิพากษาแก้เป็ฯว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265เพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 1 ปี ริบเอกสารปลอมของกลางทั้งหมด.