แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องบรรยายว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งคืน แต่ไม่บรรยายว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย แม้จะอ้างว่ามีผู้อื่นนำของกลางไปฝากไว้ที่บ้านจำเลย ก็ไม่อาจถือหรือแปลความหมายได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยกระทำผิดจึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 และริบอาวุธปืนของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ของกลางเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนซึ่งผู้ร้องได้รับอนุญาตให้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาผู้ร้องขายอาวุธปืนนี้ให้นายนิยมผู้ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองได้ นายนิยมนำอาวุธปืนของกลางไปฝากไว้กับจำเลย แล้วถูกดำเนินคดีนี้ ซึ่งผู้ร้องก็ถูกดำเนินคดีเช่นกัน โดยที่อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้ร้องที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายขอให้ส่งคืนของกลางให้ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่าผู้ร้องบรรยายเหตุอ้างในการขอของกลางคืนมาไม่ครบองค์ตามกฎหมาย มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่ผู้ร้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามคำร้องของผู้ร้องบรรยายเพียงว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งคืน หาได้บรรยายมาด้วยไม่ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย แม้จะอ้างมาในคำร้องว่านายนิยมหรือโล่งนำอาวุธปืนของกลางนี้ไปฝากไว้ที่บ้านจำเลยก็ไม่อาจถือหรือแปลความหมายได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยกระทำผิด จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2643/2522 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตโจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงหลีพาณิชย์ ผู้ร้อง นายสำเร็จ ภูกลาง กับพวก จำเลย”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง