แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อเสาเข็มจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทชำระราคา แต่ทางพิจารณาได้ความว่า อ. เป็นผู้สั่งซื้อ จำเลยไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้ที่ อ. มีอยู่กับโจทก์อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มของโจทก์แต่ทางพิจารณาได้ความว่า อ. เป็นผู้สั่งซื้อนั้น จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่อยู่ที่ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์หรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มหรือไม่ ข้อแตกต่างดังกล่าวจึงมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอยและมิได้นำสืบต่อสู้เฉพาะในข้อเท็จจริงนี้เท่านั้น จึงไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้ แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ยังคงลงโทษจำเลยได้ มิได้เป็นเหตุถึงกับจะต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1)(2) ลงโทษจำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อเสาเข็มจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทชำระราคา แต่ทางพิจารณาได้ความว่า นายอัครเดช วิฑูรแก้วศิริ เป็นผู้สั่งซื้อ จำเลยไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่โจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่จำเลยฎีกา แต่เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้ที่นายอัครเดชมีอยู่กับโจทก์ อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปมีว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องอันจะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มของโจทก์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่านายอัครเดชเป็นผู้สั่งซื้อ ข้อเท็จจริงแตกต่างกันในสาระสำคัญและจำเลยหลงต่อสู้นั้น เห็นว่า จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่อยู่ที่ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาเสาเข็มแก่โจทก์หรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเสาเข็มหรือไม่ข้อแตกต่างดังกล่าวจึงมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธลอยและมิได้นำสืบต่อสู้เฉพาะในข้อเท็จจริงนี้เท่านั้น จึงไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้ ดังนั้น แม้จะฟังว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องดังที่จำเลยฎีกา ศาลก็ยังคงลงโทษจำเลยได้ มิได้เป็นเหตุถึงกับจะต้องยกฟ้อง
พิพากษายืน