แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาท ต่อมาจำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจดทะเบียนโอนขายให้ ต.ในวันเดียวกัน ต. จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทแก่ธนาคาร ก.ดังนั้น ผู้โต้แย้งสิทธิและผู้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับการเพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาทนอกจากจำเลยแล้วยังมีเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ ต. และธนาคาร ก.ด้วย การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงคนเดียวซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทแล้วโดยมิได้ฟ้องหรือเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคู่ความด้วยแต่โจทก์กลับขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนิติกรรมดังกล่าวเป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 โจทก์มิอาจฟ้องบังคับได้ ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อปี 2483 โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดิน 1 แปลง และได้แจ้งสิทธิการครอบครอง ส.ค.1 แต่โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเป็นเวลา 47 ปี โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ต่อมาจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริต ยื่นคำร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินและไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยได้จดทะเบียนขายให้แก่นางตวงเพชร เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2524 นางตวงเพชรย่อมไม่มีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)จำเลยและผู้รับโอนคนต่อ ๆ มาจึงไม่มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ดังกล่าวและการจดทะเบียนสิทธินิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าวทุกครั้ง
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่ที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 200 ตำบลหนองหลุมอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เนื้อที่ 18 ไร่ 1 งาน 87 ตารางวาซึ่งเป็นของจำเลย จำเลยได้บุกเบิกถากถางครอบครองเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในฐานะเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีโดยมิได้มีผู้ใดโต้แย้ง พนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ให้จำเลย เพราะจำเลยเป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยมีสิทธิจดทะเบียนโอนขายหรือทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าวได้โดยชอบโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์กับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ทุกครั้งโดยให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการและเสียค่าใช้จ่ายแทนโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ทราบอยู่แล้วว่าเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่นางตวงเพชรไปตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2524 และนางตวงเพชรนำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารกรุงเทพ จำกัด ดังนั้น ผู้โต้แย้งสิทธิและผู้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับการเพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาท นอกจากจำเลยแล้วยังมีเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ นางตวงเพชรและธนาคารกรุงเทพ จำกัดแต่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทแล้ว มิได้ฟ้องหรือเรียกเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ นางตวงเพชรและธนาคารกรุงเทพ จำกัด ผู้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และผู้ทำพินัยกรรมเข้ามาเป็นคู่ความด้วย แต่โจทก์กลับขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอออกและเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว เป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์มิอาจฟ้องบังคับได้
พิพากษายืน