แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า มารดายกที่สวน (ที่ดินมือเปล่า) ให้แก่โจทก์และมารดาได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์อีกชั้นหนึ่ง โจทก์ได้ครอบครองตลอดมา เมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้วโจทก์ได้ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกล่าว จำเลย(ซึ่งเป็นพี่ชาย) คัดค้านอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของด้วย จำเลยให้การต่อสู้ว่าบิดามารดายกที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนั้นให้จำเลย จำเลยครอบครองมา ดังนี้ เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองโดยตรง จะนำอายุความ 1 ปี ซึ่งเป็นอายุความในเรื่องมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754มาใช้บังคับหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ ๑๐ ปีเศษมานี้ นางอิน พรหมเจริญมารดาของโจทก์ จำเลย ยกที่สวนมะพร้าวให้โจทก์แปลงหนึ่ง และได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง มอบทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐานอีกชั้นหนึ่ง โจทก์ได้เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาจนเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๑๒ โจทก์ขอจดทะเบียนสิทธินิติกรรมที่ดินดังกล่าว จำเลยคัดค้านอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์นั้นส่วนหนึ่งโจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่สวนตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องโจทก์ เดิมเป็นของนายแดง นางอิน พรหมเจริญ บิดามารดาโจทก์จำเลย ก่อนตายนายแดงนางอินแบ่งสวนทางตอนทิศเหนือที่จดสวนนายห้วนให้จำเลย กว้างยาวด้านละประมาณ ๑ เส้นเศษ จำเลยได้ปลูกบ้านและเข้าครอบครองมาเป็นเวลา๓๕ ปีแล้ว หากนางอินทำพินัยกรรมยกสวนให้โจทก์จริง ก็คงทำเฉพาะที่เหลือจากแบ่งให้จำเลยเท่านั้น ไม่รวมถึงที่ที่แบ่งให้จำเลยมาแล้ว และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทในฐานะเจ้าของ มิใช่อาศัยดังโจทก์อ้างและคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๗๕๔ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความตามมาตรา ๑๗๕๔ และโจทก์ไม่ได้ฟ้องแบ่งมรดก แต่ฟ้องว่า จำเลยแย่งการครอบครอง และจำเลยอาศัยโจทก์อยู่ในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีมรดก แต่เป็นคดีพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองที่พิพาท จะนำอายุความตามมาตรา ๑๗๕๔ มาใช้บังคับแก่คดีนี้ไม่ได้ และคดีน่าเชื่อว่ามารดายกที่สวนตามฟ้องทั้งแปลง รวมทั้งที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยเข้ามาอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยโจทก์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า มารดาได้ยกที่ดินให้แก่โจทก์ตามที่อ้าง โจทก์ครอบครองตลอดมา จำเลยเป็นแต่เพียงผู้อาศัยโจทก์ ส่วนปัญหาเรื่องอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์มีความว่า มารดายกที่สวนให้โจทก์และทางนำสืบก็ได้ความว่าโจทก์ให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่มารดายกให้ และโจทก์ครอบครองอยู่ จำเลยกลับแย่งการครอบครอง และโต้แย้งสิทธิครอบครองที่พิพาทของโจทก์ จึงเป็นเรื่องพิพาทเกี่ยวกับสิทธิครอบครองโดยตรง ที่ฟ้องโจทก์กล่าวถึงว่ามารดาทำพินัยกรรมยกที่สวนให้โจทก์ด้วยนั้น ก็เป็นเพียงบรรยายให้เห็นถึงที่มาของสิทธิครอบครองในที่สวน รวมทั้งที่พิพาทของโจทก์อีกทางหนึ่งเท่านั้นมิใช่คดีมรดก จะนำอายุความ ๑ ปี ซึ่งเป็นอายุความในเรื่องมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ มาใช้บังคับในกรณีนี้หาได้ไม่
พิพากษายืน