คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำนองเป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งมีผลเมื่อมีการจดทะเบียนการจำนองที่พิพาทมีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเมื่อวันที่17 กันยายน 2529 จึงเป็นการที่ลูกหนี้ผู้จำนองเอาที่พิพาทตราไว้แก่ผู้คัดค้านในวันดังกล่าว หาใช่ถือเอาวันที่ลูกหนี้และผู้คัดค้านไปแจ้งความจำนงขอจดทะเบียนจำนองที่พิพาทในวันที่ 1 สิงหาคม 2529ไม่ และไม่ว่าจะถือเอาวันแสดงความจำนงขอจดทะเบียนจำนองหรือวันที่จดทะเบียนจำนองดังกล่าวแล้ว นับถึงวันฟ้องคือวันขอให้ล้มละลายวันที่ 31 ตุลาคม 2529 ก็ยังอยู่ในระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายเช่นกัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้เพิกถอนการจำนองที่พิพาทให้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 115 ข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าวันขอให้ล้มละลายคือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น เมื่อผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นคัดค้านมาแต่ศาลชั้นต้น จึงไม่เป็นประเด็นและไม่มีสาระควรแก่การยกขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 115 ให้ผู้ร้องเพิกถอนการกระทำได้โดยอาศัยเพียงลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น หาได้บัญญัติถึงความสุจริตและมีค่าตอบแทนของผู้ถูกเพิกถอนไม่.

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินไว้แก่ธนาคารสหมาลายัน จำกัด ผู้คัดค้านเป็นการกระทำภายในระยะเวลาสามเดือนก่อนลูกหนี้ถูกฟ้องขอให้ล้มละลายและลูกหนี้รู้ถึงภาวะการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของตนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ยังกระทำการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นของลูกหนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองที่ดิน ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้าน ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ให้ผู้คัดค้านดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หากไม่ดำเนินการ ให้ถือเอาคำสั่งศาลเป็นการแสดงเจตนา
ธนาคารสหมาลายัน จำกัด ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้รับจำนองก่อนระยะสามเดือนที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายผู้คัดค้านได้รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาจำนอง ขอให้ยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการจำนองที่พิพาท ระหว่างลูกหนี้ผู้จำนองกับผู้คัดค้านผู้รับจำนอง ให้ผู้คัดค้านไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนภายในกำหนด 15 วัน หากไม่ไปให้ถือเอาคำสั่งของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนได้
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่พิพาทที่ลูกหนี้จำนองไว้กับผู้คัดค้าน ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ผู้คัดค้านค้านว่าการจำนองได้กระทำไว้ก่อนระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย เป็นการกระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้ร้องจึงขอเพิกถอนไม่ได้ สำหรับปัญหาที่ว่าลูกหนี้ได้จำนองที่พิพาทไว้ภายในระยะสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงรับกันว่าผู้คัดค้านและลูกหนี้ได้ไปยื่นคำขอจดทะเบียนจำนองที่พิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองสมุทรสาครเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2529และเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนจำนองเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2529ปัญหาที่ยกขึ้นโต้เถียงกันจึงมีเพียงว่า การจำนองที่จะต้องถูกเพิกถอนตามนัยมาตรา 115 ดังกล่าวแล้วถือเอาวันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจำนองหรือถือเอาวันที่จดทะเบียนจำนอง เห็นว่าจำนองเป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งมีผลเมื่อมีการจดทะเบียนการจำนองตามสัญญาดังกล่าวสำหรับที่พิพาทมีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเมื่อวันที่ 17กันยายน 2529 จึงเป็นการที่ลูกหนี้ผู้จำนองเอาที่พิพาทตราไว้แก่ผู้คัดค้านในวันดังกล่าว ปรากฏตามเอกสารหมาย ค.4 หาใช่ถือเอาวันที่ลูกหนี้และผู้คัดค้านไปแจ้งความจำนงขอจดทะเบียนจำนองที่พิพาทในวันที่ 1 สิงหาคม 2529 ไม่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะถือเอาวันแสดงความจำนงขอจดทะเบียนจำนองหรือวันที่จดทะเบียนจำนองดังกล่าวแล้วนับถึงวันฟ้องคือวันขอให้ล้มละลายวันที่ 31 ตุลาคม 2529 ก็ยังอยู่ในระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายเช่นกันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้เพิกถอนการจำนองที่พิพาทได้ตามนัยมาตรา115 ดังกล่าวแล้ว ส่วนที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าวันขอให้ล้มละลายคือวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น เห็นว่า เป็นข้อที่ผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นคัดค้านมาแต่ศาลชั้นต้นจึงไม่เป็นประเด็นและไม่มีสาระควรแก่การยกขึ้นวินิจฉัย ผู้คัดค้านฎีกาด้วยว่าศาลอุทธรณ์มิได้ยกประเด็นว่าผู้คัดค้านมิได้รับจำนองโดยลูกหนี้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเหนือเจ้าหนี้อื่น จึงขอให้ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยด้วยนั้นเห็นว่าประเด็นนี้ผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงไว้ในคำคัดค้าน จึงไม่มีประเด็นที่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัย ฎีกาอีกข้อหนึ่งของผู้คัดค้านในข้อที่ผู้คัดค้านได้รับจำนองโดยสุจริต และมีค่าตอบแทนนั้น เห็นว่า กฎหมาย มาตรา 115 ให้ผู้ร้องเพิกถอนการกระทำได้โดยอาศัยเพียงลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเหนือเจ้าหนี้อื่น หาได้บัญญัติถึงความสุจริตและมีค่าตอบแทนของผู้ถูกเพิกถอนไม่ จึงไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้เช่นกัน…”
พิพากษายืน.

Share