คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้ว ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและจำเลยทั้งสามกับพวกดังกล่าวได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่นโดยเจตนาทุจริตอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของห้างซึ่งโจทก์และทายาทอื่นของนายซีมากาเดอร์มีส่วนอยู่ด้วย2 ประการ คือ
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายซีมากาเดอร์ ผู้ตายซึ่งเป็นบิดาโจทก์ตามคำสั่งศาลแพ่ง ก่อนตายบิดาโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลมุนนาตำบีไซบูมารีกัน ซึ่งมีหุ้นส่วนทั้งหมด 4 คน รวมทั้งบิดาโจทก์ กำหนดวิธีการแบ่งผลประโยชน์ว่าใน 100 ส่วน บิดาโจทก์ 15 ส่วน หุ้นส่วนคนอื่น ๆ ได้รับคนละ 25 ส่วน อีก 10 ส่วนเก็บไว้เป็นทุนสำรอง บิดาโจทก์ตายแต่ห้างดังกล่าวคงดำเนินกิจการต่อมา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2522ศาลแพ่งพิพากษาให้เลิกห้างดังกล่าว และตั้งนายมูนาฮะยี นายไมตรีนายเอ็ม. เอส. กาบีร์มารีกัน และจำเลยทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชีตามคดีหมายเลขแดงที่ 4266/2511 ผู้ชำระบัญชีทั้งหกคนได้แจ้งต่อหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครว่าห้างดังกล่าวมีทรัพย์สินในวันที่ศาลแพ่งสั่งเลิกกิจการที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นทั้งในประเทศและนอกประเทศมีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60 สตางค์ ปี พ.ศ. 2515นายมูนาฮะยีและนายไมตรีตาย ปี พ.ศ. 2522 นายเอ็ม. เอส. กาบีร์มารีกันตายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชีต่อมา เมื่อระหว่าง วันที่ 11 กันยายน 2511 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2522 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ โดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่มีมูลค่า 3,581,441 บาท 60 สตางค์ เพียงบางรายการให้โจทก์และทายาทอื่นน้อยกว่า 15 ส่วนใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับทั้งบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัทรามานไฮดรอลิคทิน จำกัด ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัทมายิตีโยโฮรับเบอร์ จำกัด ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่ 11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่ 160 ถนนราชบพิตร เนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้น จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้วก็ไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15 ส่วนใน 100 ส่วน กลับบังอาจแสดงให้ผู้อื่นทราบว่าได้แบ่งหุ้นตาที่กล่าวมาให้โจทก์และทายาทอื่นแล้ว ความจริงโจทก์และทายาทอื่นไม่ได้รับหุ้นหรือเอกสารใบหุ้นแต่ประการใดนับตั้งแต่ศาลแพ่งได้แต่งตั้งจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วเป็นผู้ชำระบัญชีจนถึงปัจจุบันนี้ การชำระบัญชียังไม่แล้วเสร็จ และไม่ยอมให้โจทก์และทายาทอื่นเข้าตรวจสอบ เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีตามที่ศาลแพ่งแต่งตั้ง และจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังเอาทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่น เป็นเหตุให้โจทก์และทายาทอื่นเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ทำให้ทรัพย์สินในกองมรดกลดลง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353, 354 และ 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยทั้งสามกับพวกดังกล่าวได้เบียดบังทรัพย์สินของห้าง ซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่นโดยทุจริต อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของห้างซึ่งโจทก์และทายาทอื่นของนายซีมากาเดอร์มีส่วนอยู่ด้วย 2 ประการ คือ

ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60 สตางค์ ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า 15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับ เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนมีอะไรบ้าง ทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า 15 ใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใดยังขาดอีกเท่าใด จำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์ของจำเลยกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่น คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดของทรัพย์หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่า จำเลยทั้งสามกับพวกไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีและเบียดบังเอาทรัพย์ของห้างเป็นของตนหรือบุคคลที่สามเกี่ยวกับทรัพย์สินอะไรบ้าง จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัทรามาน ไฮดรอลิคทิน จำกัด ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัทมายิตีโยโฮรับเบอร์ จำกัด ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่ 11/5 ตรอกตำบีซา เนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่ 160 ถนนราชบพิตร เนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้น จำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15 ส่วนใน 100 ส่วน สำหรับข้อนี้เห็นว่า แม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่น ๆ มากกว่านี้ แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องดังกล่าว ศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ จึงไม่เคลือบคลุมเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองเป็นว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์สิน 4 รายการที่จำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นตามที่บรรยายมาในฟ้องนั้น ไม่เคลือบคลุม ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไป คดีมีมูลที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปหรือไม่ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี

Share