แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า ก.บุตรจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ จำเลยตกลงทำบันทึกประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ยอมชดใช้ค่าเสียหายแทน ก.ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 15,000 บาท ชำระในวันนั้น 3,000 บาท คงค้างอีก 12,000 บาท ซึ่งจำเลยยังไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับ ในวันชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากถูกละเมิดมากว่า 1 ปี และรู้ตัวผู้ทำละเมิดมากว่า 1 ปี ดังนี้ แม้เดิมบุตรจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยเข้าทำสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แทนบุตรก็ตาม แต่มูลคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่เรื่องละเมิด หากเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ จึงนำเอาบทบัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บุตรจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยได้ตกลงประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวนยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนบุตรจำเลย ให้แก่โจทก์ เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ชำระในวันนั้น ๓,๐๐๐ บาท คงค้างอีก ๑๒,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วโจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน ๑ ปี จึงขาดอายุความ
วันชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากถูกกระทำละเมิดมากว่า ๑ ปี และรู้ตัวผู้ละเมิดมากว่า ๑ ปีแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีมีประเด็นเพียงข้อเดียวคือเรื่องอายุความจึงให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ดังที่จำเลยฎีกาหรือไม่ เห็นว่าแม้เดิมนายแก้วบุตรจำเลยเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วต่อมาจำเลยเข้าทำสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แทนบุตรก็ตาม แต่มูลคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ไม่ใช่เรื่องละเมิด หากแต่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ จึงนำเอาบท่บัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีนี้ไม่ได้ คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๑/๒๕๑๘ ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฯลฯ โจทก์ นายเอนก ปริยานนท์ กับพวก จำเลย ตามที่จำเลยอ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วย
พิพากษายืน.