แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2530ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม 2530 จำเลยได้มอบฉันทะให้ อ. มายื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยจะเปลี่ยนทนายใหม่และอยู่ในกรุงเทพมหานครก็สามารถยื่นฎีกาได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เหตุล่าช้าของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายเวลายื่นฎีกาให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ บังคับจำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถวหน้าที่ทำการป่าไม้จังหวัดสุรินทร์ ให้แก่โจทก์ที่2 หากโอนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหาย 1,200,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 2 หากไม่แสดงเจตนา ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 และให้ยกคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ที่ 2 และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ3,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าคดีถึงที่สุดแก่โจทก์ที่ 2
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2530ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2530 จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเพิ่งตามตัวทนายความที่ต้องการพบและทนายคนใหม่ไม่สามารถยื่นฎีกาให้ได้ทัน จึงขอขยายเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 30 วัน
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ติดต่อหาทนายความใหม่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต้องใช้เวลาสืบเสาะหาทนายความที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ เมื่อได้ทนายความใหม่แล้วก็ไม่อาจทำคำฟ้องฎีกายื่นต่อศาลภายในกำหนดได้จำเลยจึงยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2530 ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม 2530 จำเลยได้มอบฉันทะให้นางอำพร ชื่นมุณีวงศ์ มายื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยจะเปลี่ยนทนายความใหม่และอยู่ในกรุงเทพมหานครก็สามารถยื่นฎีกาได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เหตุล่าช้าของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศาอันศาลจะพึงขยายเวลายื่นฎีกาให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23…………………….’
พิพากษายืน.