แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ให้การว่าหากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2ได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้วก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1ซึ่งเอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างและขับรถยนต์ดังกล่าวโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายรวม213,350 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิด จำเลยทั้งสองให้การว่าโจทก์มิใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันที่ถูกชน จึงไม่มีสิทธิฟ้องลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้ประมาทโจทก์มิได้เสียหายตามฟ้องจำเลยที่ 2 รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 โดยมีข้อกำหนดว่าจะรับผิดต่อความเสียหายของบุคคลภายนอกเกี่ยวกับทรัพย์สินแทนผู้เอาประกันภัยในอุบัติเหตุแต่ละครั้งไม่เกิน 100,000 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 90,800 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดโจทก์ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับประเด็นข้อแรกจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-1188 นนทบุรี โดยตามสำเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนเอกสารหมาย ล.11 ปรากฏชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเป็นผู้ประกอบการขนส่งและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และการเสียภาษีหลังเกิดเหตุอีก 2 ครั้งได้เสียในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการและตามเอกสารหมาย ล.7 กับ ล.9 นายจุนฉี เซี่ยงวองให้การกับพนักงานสอบสวนมีข้อความว่ารับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์คดีนี้แต่อย่างใดเห็นว่าโจทก์มีหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน80-1188 นนทบุรี ตามเอกสารหมาย จ.1 และตัวโจทก์ได้เบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวยืนยันว่า ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้เห็นว่าหนังสือสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมหรือเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยที่โจทก์มิได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ แม้ภายหลังเกิดเหตุ 2 ปี จะยังเสียภาษีรถยนต์คันดังกล่าวในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการตามเอกสารหมาย ล.11 และในชั้นสอบสวนนายจุนฉี เซี่ยงวอง ผู้รับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ จะได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์คดีนี้ ก็ไม่ใช่เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า โจทก์ไม่ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการและโจทก์มีนายบุญโฮม สมคะเนย์ ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวในวันเกิดเหตุเป็นพยานเบิกความว่านายบุญโฮมเป็นลูกจ้างของโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 แม้จำเลยที่ 2จะได้นำสืบว่า ในชั้นสอบสวนนายบุญโฮมได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนตามเอกสารหมาย ล.8 โดยนายบุญโฮมให้การว่าเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อยกว่าคำเบิกความของนายบุญโฮมที่ได้เบิกความต่อศาล ซึ่งคู่ความมีโอกาสได้ซักถามต่อหน้าศาลข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 และโจทก์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ละเมิดได้จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อไปว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้การไว้ในคำให้การข้อ 6 ว่า”…หากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวนเงิน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้…” ฉะนั้นเมื่อโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้วเป็นเงิน15,000 บาท ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกจึงยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาทนั้น เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าทำรั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000 บาท ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นต้องถือว่าเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน