แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์แนบตารางกรมธรรม์ประกันภัยไว้ท้ายคำฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ในฐานะใดหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับ จ. ผู้เอาประกันภัย อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่าผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างไรและไม่อาจต่อสู้คดีของโจทก์ได้ การบรรยายฟ้องในเรื่องดังกล่าวจึงเป็นสาระสำคัญ มิใช่รายละเอียดที่สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเพราะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 คำฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2544 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ภฉ 4412 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ตามถนนราชดำเนินนอก โดยปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้รถชนเสาไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย โจทก์ซ่อมแซมแล้วคิดเป็นค่าเสียหาย 149,479 บาท ดอกเบี้ย 18,684.87 บาท รวมเป็นเงิน 168,163.87 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 168,163.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 149,479 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในนามใครอย่างไร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 148,730 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องไม่เกิน 18,648.87 บาท กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองฝ่ายในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยต้องฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 เคลือบคลุมหรือไม่ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้องมีใจความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ภฉ 4412 กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2544 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ไปตามถนนราชดำเนินนอกด้วยความประมาท เป็นเหตุให้รถชนเสาไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เห็นว่า แม้โจทก์ได้แนบตารางกรมธรรม์ประกันกัยไว้ท้ายคำฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยไว้ในฐานะใดหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับนาวาอากาศตรีจักรีผู้เอาประกันภัย อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่าผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างไร และไม่อาจต่อสู้คดีของโจทก์ได้ การบรรยายฟ้องในเรื่องดังกล่าวจึงเป็นสาระสำคัญหาใช่รายละเอียดที่สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาดังที่โจทก์อ้างไม่เพราะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 คำฟ้องของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 มานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ