แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 เป็นมารดาของจำเลยที่ 1 แต่มิได้อาศัยในบ้านที่เกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่บนบ้านชั้นสอง ทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกันปิดประตูบ้านบนชั้นสองเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะ รับฟังว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกันปิดประตูบ้านบนชั้นสอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าจำเลยที่ 1 บุตรชายของจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 มีเมทแอมฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาก็พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ป.อ. มาตรา 83 และริบเมทแอมเฟตามีน ถุงพลาสติก และเทปพลาสติกสีดำของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ป.อ. มาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 18 ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 ปี คำรับสารภาพ ชั้นจับกุมของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปี ริบเมทแอมเฟตามีน ถุงพลาสติกและเทปพลาสติกสีดำของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยทั้งสองและยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 950 เม็ด น้ำหนัก 84.560 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 26.290 กรัม เป็นของกลาง อีกทั้งคดียังฟังเป็นยุติตามคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่ง จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจริง ตามฟ้อง มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า พยานผู้จับกุมทั้งสองเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง สอดคล้องต้องกัน อีกทั้งข้อนำสืบของจำเลยที่ 2 ที่เบิกความรับว่า ขณะที่จำเลยที่ 2 นั่งล้างจานอยู่ ได้ยินเสียงคนมา เรียกข้างห้องน้ำหลังบ้าน จำเลยที่ 2 เข้าใจว่าเป็นเพื่อนของจำเลยที่ 1 มาเรียก จำเลยที่ 2 จึงไปยืนเรียกจำเลยที่ 1 ที่หน้าบันไดบ้านบอกให้เปิดประตูนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ขัดต่อเหตุผลอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพราะจำเลยทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน จึงไม่มีเหตุผลอย่างยิ่งที่ขณะที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดากำลังล้างจานอยู่ที่ชั้นล่าง แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่บนบ้านจะต้อง ปิดประตูบ้าน ถึงขนาดต้องร้องเรียกให้เปิดประตู แต่ข้อนำสืบที่ขัดต่อเหตุผลของจำเลยที่ 2 เช่นนี้ กลับเป็นการเจือสมกับทางนำสืบของพยานโจทก์ให้เชื่อได้ว่า ในวันดังกล่าวจำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ทราบว่ามีตำรวจมา และจำเลยทั้งสองได้ปิดประตูบ้านบนชั้นสองกับได้มีการโยนเมทแอมเฟตามีนของกลางลงจากหน้าต่างบนชั้นสองของบ้านจริง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอที่จะรับฟังได้เพียงว่า ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 เพียงแต่ ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่บนบ้านชั้นสองทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกันปิดประตูบ้านบนชั้นสองเท่านั้น ซึ่งเมื่อวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของนายชาตรี พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านท้องที่เกิดเหตุที่เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกบ้านของพยาน เมื่อสามีเก่าของจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 มีสามีใหม่และไปอยู่กับสามีใหม่ที่ตำบลทัพหลวงประมาณ 3 ปี ซึ่งเจือสมกับทางนำสืบของจำเลยที่ 2 ด้วย แสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้พักอาศัยอยู่กับจำเลยที่ 1 ในบ้านที่เกิดเหตุพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 จริงตามฟ้อง แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกับจำเลยที่ 1 ปิดประตูบ้านบนชั้นสอง ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าจำเลยที่ 1 บุตรชายของจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าลักษณะเป็น ผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 และแม้คดีนี้โจทก์จะฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเพียงฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลฎีกาก็พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหก
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 จำคุก 12 ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 7.