คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันเบนซินที่บ้านผู้เสียหายจำนวน 5 ลิตร เมื่อเติมน้ำมันเสร็จภริยาผู้เสียหายทวงเงินค่าน้ำมัน จำเลยที่ 2 ถือลูกกลม ๆ อยู่ในมือซึ่งฟังไม่ได้ว่าเป็นลูกระเบิดพูดว่า ไม่มีเงิน มีไอ้นี่เอาไหม ภริยาผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นลูกระเบิด จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ออกไป การกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 ถือลูกกลม ๆ อยู่ในมือและพูดเช่นนั้น เป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีก ๑ คน กระทำการปล้นทรัพย์เอาน้ำมันเบนซิน ๕ ลิตร ของนายจัง แซ่ตัน ผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยจำเลยที่ ๒ มีและใช้ลูกระเบิดขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะขว้างทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายของผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕, ๓๓๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาน้ำมันแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ทวิ จำคุกคนละ ๙ เดือน ลดโทษ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๖ เดือน คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาน้ำมันแก่ผู้เสียหาย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันที่บ้านผู้เสียหายจำนวน ๕ ลิตรคิดเป็นเงิน ๕๗ บาท ๕๐ สตางค์ เมื่อเติมน้ำมันเสร็จแล้ว ภริยาผู้เสียหายขอเงินค่าน้ำมันจำเลยที่ ๒ กลับตอบว่า’ไม่มีเงิน มีแต่ไอ้นี้เอาไหม’ ขณะพูดจำเลยที่ ๒ ถือลูกกลม ๆ อยู่ในมือ จากนั้นจำเลยทั้งสองก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป
ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองจะเป็นความผิดฐานใด จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นเห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้น การที่จำเลยที่ ๒ ถือลูกกลม ๆ ซึ่งฟังไม่ได้ว่าเป็นลูกระเบิดหรือไม่ และจำเลยที่ ๒ บอกกับภริยาผู้เสียหายเมื่อถูกทวงให้ชำระราคาน้ำมันว่า’เงินไม่มี มีแต่ไอ้นี่เอาไหม’ ก็เป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง(ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๕๔/๒๕๑๑) หาใช้เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่ เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วข้อที่โจทก์ฎีกาว่ายังมีพวกรออยู่ที่ถนนอีกคนหนึ่งและรถจักรยานยนต์ของกลางจะเป็นรถคันที่จำเลยนำมาเติมน้ำมันหรือไม่จึงไม่ต้องวินิจฉัย สำหรับโทษนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษามาเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share