คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อสันนิษฐานของมาตรา 26 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่า ถ้ามีกัญชาไว้ในครอบครองปริมาณตั้งแต่สิบกิโลกรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้หมายความว่า ถ้ามีไว้ในครอบครองปริมาณไม่ถึงสิบกิโลกรัม แม้จะจำหน่ายก็จะถือว่ามีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 76, 102 และ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 102 ด้วย) จำคุก 4 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยยึดกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 จำนวน 9 แท่ง น้ำหนัก 8.149 กิโลกรัม เป็นของกลาง ก่อนจับกุมจำเลย พันตำรวจโทสมบัติ ชูชัยยะ และนายดาบตำรวจปราโมทย์ รุ่งเผ่าพันธ์ พยานโจทก์ทั้งสองสืบทราบว่า จำเลยลักลอบจำหน่ายกัญชาที่บ้านพักของจำเลย ในวันที่ 9 เมษายน 2542 เวลาประมาณ 10 นาฬิกา พยานโจทก์ทั้งสองกับพวกรวม 6 คน ได้ไปยังบ้านของจำเลย พบจำเลย จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและ แสดงหมายค้น ขอทำการตรวจค้น จำเลยยินยอมและนำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้าน ผลการตรวจค้นพบกัญชาแห้งอัดแท่งแต่ละแท่งห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสจำนวน 9 แท่ง น้ำหนัก 8 กิโลกรัมเศษ บรรจุอยู่ในถุงปุ๋ย ซุกซ่อนอยู่ที่ชั้นบนของบ้านลักษณะเป็นห้องใต้หลังคา สอบถามจำเลยยอมรับว่าเป็นกัญชาของจำเลย พยานโจทก์ทั้งสองกับพวกจึงร่วมกันจับกุมจำเลยโดยแจ้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ มีความผิดฐานมีกัญชาแห้งจำนวน 9 แท่ง น้ำหนัก 8.149 กิโลกรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้อง ที่จำเลยฎีกาอ้างว่ากัญชาของกลางมีไม่ถึง 10 กิโลกรัม จึงไม่เข้า ข้อสันนิษฐานของมาตรา 26 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงไม่ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดของกฎหมายที่ให้ถือว่า ถ้ามีกัญชาไว้ในครอบครองมีปริมาณตั้งแต่สิบกิโลกรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้บัญญัติว่าถ้ามีไว้ในครอบครองมีปริมาณไม่ถึงสิบกิโลกรัม แม้จะจำหน่ายก็จะฟังว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำเลยยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share