คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยที่ฟ้องแย้งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใดๆ ในทางภารจำยอม ให้โจทก์เปิดทางที่กั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออก ให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภารจำยอมออกไปให้หมด เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอยๆ เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามนั้นโจทก์รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง โจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่าคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยไม่ทำการไต่สวนนั้นชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์จดทะเบียนให้เป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของจำเลยเพื่อเป็นทางเข้าออกตามสัญญา จำเลยผิดสัญญาทำประตูปิดกั้นทางตั้งป้ายชื่อโรงแรมและทำกันสาดรุกล้ำ ติดตั้งถังแก๊สใต้ดินต่อท่อแก๊สผ่านตั้งเสาไฟฟ้าและเดินสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านที่ดินภารยทรัพย์ ใช้ที่ดินภารยทรัพย์เป็นที่จอดรถ เป็นการเพิ่มภาระทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้สั่งจำเลยเปิดทาง รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวและไม่ใช่ที่ดินโจทก์เป็นที่จอดรถและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทำประตูปิดกั้นนอกส่วนที่ดินที่เป็นภารจำยอม เดิมโจทก์และบริษัทอื่นร่วมกันลงทุนตั้งบริษัทจำเลย การกระทำตามที่โจทก์ฟ้องโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมมาแต่ต้น และเป็นการใช้สิทธิตามข้อสัญญาค่าเสียหายสูงเกินควร คดีขาดอายุความ

โจทก์กำลังสร้างฐานคอนกรีตและเสาเหล็กลงในทางภารจำยอมทำให้ทางแคบ ก่อสร้างศาลพระภูมิและอาคารพาณิชย์รุกล้ำทางภารจำยอมทำให้ทางภารจำยอมเสื่อมประโยชน์ ขอให้สั่งห้ามการกระทำดังกล่าวของโจทก์ และให้โจทก์รื้อสิ่งที่ปลูกสร้างแล้วออกไป

จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์กำลังดำเนินการก่อสร้างฐานคอนกรีตและเสาเหล็ก หากสร้างเสร็จจะทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมเสื่อม การกระทำของโจทก์เป็นการผิดสัญญา ขอให้สั่งห้ามชั่วคราวมิให้โจทก์กระทำก่อสร้างต่อไป

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ก่อสร้างเสาเหล็กเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณาในทางภารจำยอม เหลือทางผ่าน 10 เมตรไม่เป็นเหตุให้เสื่อมประโยชน์ ไม่เป็นการผิดสัญญา

ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉิน ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์เลิกปิดกั้นทางภารจำยอม และระงับการก่อสร้าง และยื่นคำร้องเพิ่มเติมว่าโจทก์ตั้งเสาเหล็กและทำโครงเหล็กขนาดยาวปิดกั้นถนนจนไม่สามารถใช้ทางได้ ขอให้รื้อถอนเสาและโครงเหล็กออกไป

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างใด ๆ ในทางภารจำยอมให้โจทก์เปิดทางที่ปิดกั้นทั้งหมด รื้อถอนเสาออก ให้ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภารจำยอมออกให้หมดโดยทำให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน

โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งห้ามหรือมีคำสั่งใหม่ให้โจทก์ก่อสร้างเสาเหล็กในทางภารจำยอม เพราะโจทก์มิได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญา ดังที่โจทก์ได้แถลงคัดค้านไว้

ระหว่างนัดไต่สวนศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องของโจทก์อ้างว่าพฤติการณ์ในคดีไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญาเท่านั้นมิได้โต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นประการอื่น ไม่มีเหตุสมควรจะเพิกถอนคำสั่งห้ามจึงมีคำสั่งให้งดไต่สวนและยกคำร้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลยให้โจทก์ระงับการก่อสร้างใด ๆ ในทางภารจำยอมให้โจทก์เปิดทางที่ปิดกั้นทั้งหมดรวมทั้งรื้อถอนเสาในถนนด้านทิศใต้ออกให้โจทก์ขนสัมภาระที่กีดขวางทางภารจำยอมออกไปให้หมดนั้น เป็นการสั่งโดยมีเหตุสมควรและมีเหตุเพียงพอและเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องแย้งของจำเลย เพราะโจทก์กำลังทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งเป็นการผิดสัญญาตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำขอ โจทก์ตั้งรูปคดีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างลอย ๆแต่เพียงว่าโจทก์ไม่ได้กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญาเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์กระทำซ้ำตามที่ศาลสั่งห้ามหรือไม่นั้น โจทก์ก็รับแล้วว่าขณะนั้นโจทก์กำลังกระทำอยู่จริง แสดงว่าโจทก์กระทำซ้ำอยู่ โจทก์หาได้โต้เถียงว่าคำสั่งนั้นศาลชั้นต้นสั่งโดยไม่มีเหตุเพียงพอหรือไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมายหรือมีเหตุอื่นที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นแต่อย่างใดไม่ คดีจึงไม่ต้องไต่สวนพยานโจทก์และในชั้นนี้ไม่มีทางเพิกถอนคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share