คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้จัดการมรดกคือต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกเพื่อแสดงให้ทายาททราบว่าเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกอยู่เท่าไร การที่ผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ แต่เมื่อทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมเหลือแบ่งแก่ทายาทมีเพียงที่ดินแปลงเดียวพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งทายาททุกคนทราบดีอยู่แล้ว และการไม่จัดทำบัญชีก็มีเกิดจากการทุจริตหรือความไม่สามารถของผู้ร้องและมิได้มีความเสียหายเกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก การตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของกองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาเจ้ามรดกเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก และคดีถึงที่สุดแล้วผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านในเรื่องนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องจัดการมรดกของนางปอกีผู้ตายโดยให้จัดการทรัพย์สินที่มิได้กำหนดไว้ในพินัยกรรม แบบเอกสารฝ่ายเมืองที่ผู้ตายทำไว้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกโดยทายาทส่วนใหญ่ไม่ทราบ และเมื่อผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแล้วไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก ขอให้สั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องยื่นคำแถลงว่า ได้จัดการมรดกถูกต้องแล้ว ขอให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านว่ามีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกส่งศาลภายในกำหนดเป็นการละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ และการตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเป็นการขัดกับเจตนาเจ้ามรดก ข้อเท็จจริงจากที่ผู้ร้องนำสืบมาฟังได้ว่าผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกส่งศาลภายในกำหนดจริง เห็นว่า หน้าที่อันสำคัญประการหนึ่งของผู้จัดการหนึ่งคือต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกเพื่อแสดงให้ทายาททราบว่าเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกอยู่เท่าไร การที่ผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของผู้จัดการมรดก แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้ว่า เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์มรดกไว้ มีการตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมและแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรมเสร็จเรียบร้อยไปแล้วคงมีทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมเหลือแบ่งแก่ทายาทคือที่ดินตามเอกสารหมาย ร.4 เพียงแปลงเดียวพร้อมสิ่งปลูกสร้างเท่านั้นซึ่งทายาททุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทั้งการที่ผู้ร้องมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกก็มิได้เกิดจากการทุจริตหรือความไม่สามารถอันเป็นประจักษ์ของผู้ร้องและมิได้มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อทายาทและกองมรดกแต่อย่างใดและหากจะมีการเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกยิ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากต่อทายาทและกองมรดก จึงเห็นสมควรไม่เพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก เกี่ยวกับฎีกาของผู้คัดค้านที่ว่าการตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกขัดกับเจตนาเจ้ามรดกนั้น เห็นว่าการตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะที่จะตั้งบุคคลใดเพื่อประโยชน์ของกองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาเจ้ามรดก เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและคดีถึงที่สุดแล้วผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิจะคัดค้านในปัญหานี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share