คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2568/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ตามสัญญากู้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 1สามีจำเลยที่ 2 ก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส แม้หนี้ตามสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1และสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองจะเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 1ก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่หนังสือให้ความยินยอมของจำเลยที่ 2 เป็นหนังสือที่ให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมรับรู้ถึงหนี้เงินกู้ที่จำเลยที่ 1ได้ก่อให้เกิดขึ้นตามสัญญากู้เงินและจำเลยที่ 2 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าวแล้ว หนี้ตามสัญญากู้เงินตามฟ้องที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1490(4) จำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาย่อมต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินจากโจทก์โดยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวม 2 แปลง มาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์และจำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรม หลังจากกู้เงินจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วน แล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้ครบถ้วน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 132,402.46 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 93,461.18 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 132,402.46บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 93,461.18 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระ ให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายข้อเดียวว่า การที่จำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอมเป็นการให้สัตยาบันในหนี้และนิติกรรมของจำเลยที่ 1 ที่ทำไว้กับโจทก์ อันถือได้ว่าเป็นหนี้ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4) และโจทก์มีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้คนใดคนหนึ่งชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิงหรือไม่ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่19 ตุลาคม 2536 จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินจากโจทก์สาขาเชียงรายจำนวน 100,000 บาท ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 โดยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 34 และ 35 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 มาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ โดยมีสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองว่า หากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยที่ 1ยอมรับผิดชดใช้เงินที่ขาดจำนวนแก่โจทก์จนครบถ้วน ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเฉพาะส่วนและสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเอกสารหมาย จ.5 และ จ.6 การทำสัญญาดังกล่าวจำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ หลังจากทำสัญญาดังกล่าวจำเลยที่ 1ชำระหนี้ให้โจทก์เพียงบางส่วนแล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์คงค้างชำระต้นเงินจำนวน 93,461.18 บาท และดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 38,941.28 บาท รวมเป็นเงิน 132,402.46 บาท โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า หนี้ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 1 สามีจำเลยที่ 2 ก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส แม้หนี้ตามสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองที่ดินเฉพาะส่วนและสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.4 จ.5 และ จ.6 จะเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่หนังสือให้ความยินยอมลงวันที่ 19 ตุลาคม 2536 เอกสารหมาย จ.10 ของจำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาของจำเลยที่ 1 ที่ให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์นั้น ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมรับรู้ถึงหนี้เงินกู้ที่จำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.4 และจำเลยที่ 2 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าวแล้ว หนี้ตามสัญญากู้เงินที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4) จำเลยที่ 2 ในฐานะภริยาจึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ในฐานะลูกหนี้ร่วมต่อโจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share