คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การบังคับคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติให้บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะเท่านั้นที่จะต้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ผู้ร้องไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งไม่ใช่กรณีที่เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233 ซึ่งหมายถึง การใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลโดยให้เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องในนามของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ได้ รวมทั้งเรียกลูกหนี้ให้เข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234 มิใช่เข้าสวมสิทธิในการบังคับคดีของลูกหนี้ซึ่งเป็นสิทธิที่กฎหมายกำหนดให้เป็นสิทธิแก่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะดังกล่าวมาแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ แต่โจทก์ยังไม่ได้ขอให้ออกหมายบังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1163/2541 ของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวกับพวกร่วมกันชำระเงิน 1,809,124 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คดีถึงที่สุดแล้วแต่โจทก์ไม่มีทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องอื่นใดให้ผู้ร้องบังคับคดีได้ คงมีแต่สิทธิการบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ จึงขออนุญาตเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์เพื่อบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสาม แล้วนำเงินที่ได้ชำระหนี้ผู้ร้องต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องจึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คำฟ้องฎีกาของผู้ใช้เป็นแบบพิมพ์คำร้องแทนที่จะใช้แบบพิมพ์ฎีกาเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อศาลชั้นต้นรับมาโดยมิได้สั่งให้ทำใหม่ ทั้งผู้ร้องได้เสียค่าขึ้นศาลมาครบถ้วนแล้ว จึงชอบที่จะอนุโลมให้ถือเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายได้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิเข้าสวมสิทธิโจทก์ในการบังคับคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า การบังคับคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติให้บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) เท่านั้นที่จะต้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ผู้ร้องไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะจึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งไม่ใช่กรณีที่เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233 ซึ่งหมายถึง การใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลโดยให้เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องในนามของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ได้ รวมทั้งเรียกลูกหนี้ให้เข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234 มิใช่เข้าสวมสิทธิในการบังคับคดีของลูกหนี้ซึ่งเป็นสิทธิที่กฎหมายกำหนดให้เป็นสิทธิแก่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะดังกล่าวมาแล้ว เมื่อไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้อำนาจผู้ร้องเข้าสวมสิทธิในการบังคับคดีของลูกหนี้ได้ ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนมานั้นชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share