แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ภริยาทิ้งร้างสามีไปอยู่ที่อื่นเกิน 1 ปี สามีฟ้องหย่าได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภริยากัน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสอยู่กินเป็นสามีภรรยากับจำเลยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2498 ได้อยู่กินด้วยกันตลอดมา และโยกย้ายตามโจทก์ซึ่งทำงานของการรถไฟไปมีภูมิลำเนาในที่ต่าง ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2512 โจทก์ย้ายมาประจำที่สถานีรถไฟบางซื่อ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 44/24 หมู่ที่ 2 แขวงลาดยาว เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร วันที่ 27 เมษายน 2517 จำเลยขนของในบ้านไปหมด และไปเช่าบ้านอยู่กับนางจินดาพี่สาวจำเลย โจทก์ขอให้จำเลยกลับไปอยู่ด้วยแต่จำเลยไม่ยอมกลับ เมื่อโจทก์ไปตามจำเลยอีก ก็ทราบว่าจำเลยไปอยู่ที่อื่นหลังจากนั้น 4-5 เดือน โจทก์จึงทราบว่าจำเลยไปอยู่บ้านเลขที่ 99/1104ซอย 39 ถนนสุทธิสาร โจทก์จึงไปขอให้จำเลยกลับ จำเลยก็ไม่ยอมกลับ โจทก์จึงไปอยู่กับจำเลยราว 2 เดือน โจทก์เป็นห่วงบ้านจึงกลับมาอยู่ที่บ้าน โจทก์ไปหาจำเลยเมื่อใด จำเลยไม่หวงห้าม แต่แสดงความไม่พอใจ ไม่อยากให้โจทก์อยู่ด้วย วันที่ 27 สิงหาคม 2517 จำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นอีก 3 เดือน แล้วไปอยู่ทางบางนา หลังตลาดอุดมสุข โจทก์ไปตาม แต่ไม่พบ เพราะจำเลยย้ายไปอยู่ที่อื่นต่อไปอีก จึงนำคดีมาฟ้อง
จำเลยอ้างเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านหมาย ล.1 เป็นพยาน แล้วแถลงไม่สืบพยานต่อไป
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่าหนึ่งปีหรือไม่ คดีได้ความดังกล่าว เห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายขนของออกจากบ้านโจทก์แยกไปอยู่ที่อื่น เมื่อโจทก์ตามไปหาจนพบ และขอให้จำเลยกลับไปอยู่กินกับโจทก์ จำเลยไม่ยอมกลับไป ได้ย้ายที่อยู่หลบหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อไม่ให้โจทก์ตามไปพบ และไปอยู่ด้วย และคอยหลบหนีอยู่เช่นนี้เรื่อย ๆไป เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยไม่ต้องการอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภรรยา จึงฟังได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ผู้เป็นสามีไปเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว”
พิพากษายืน