แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์ประมาทชนรถยนต์โจทก์เสียหายโจทก์จำเลยได้ตกลงเกี่ยวกับค่าเสียหายซึ่งพนักงานสอบสวนได้บันทึกไว้และโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อแล้วข้อตกลงมีความว่าจำเลยยินยอมซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมและจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 400 บาท จนกว่าจะซ่อมรถยนต์เสร็จจึงเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทอันเกิดจากมูลละเมิดให้เสร็จไปถึงแม้จะกำหนดให้จำเลยจัดการซ่อมรถยนต์ของโจทก์แทนที่จะให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินโดยตรงก็เป็นการตกลงกันให้จำเลยชำระหนี้ด้วยการกระทำซึ่งอาจมีการบังคับชำระหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา194,213
เมื่อข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลละเมิดย่อมสิ้นไปชอบที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดอีกหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ต้องซ่อมเป็นเงิน 21,935 บาท และขาดประโยชน์จากการใช้รถติดเป็นเงิน 9,600 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายทั้งสองจำนวน
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงค่าเสียหายต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่าจำเลยยินยอมซ่อมรถยนต์ให้โจทก์อยู่ในสภาพเดิม และยอมใช้ค่าเสียหายให้วันละ 400 บาท จนกว่าจะซ่อมรถเสร็จ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการประนีประนอมยอมความค่าเสียหายในมูลละเมิดย่อมระงับสิ้นไปโจทก์จะฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอีกไม่ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 26,935 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จำเลยได้ตกลงกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้บันทึกไว้ข้อตกลงมีใจความว่า “สำหรับค่าเสียหายตกลงกันว่านายคณิต (จำเลย) ยินยอมซ่อมรถยนต์ให้นายปรีชา (หมายถึงโจทก์)ให้อยู่ในสภาพเดิม ฯลฯ นอกจากนี้นายคณิตยอมชดใช้ค่าเสียเวลาให้นายปรีชาอีกวันละ 400 บา ฯลฯ จนกว่ารถจะซ่อมเสร็จ คู่กรณียินยอมตามข้อตกลง จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน”แล้วลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยและพยาน หลังจากตกลงกันแล้วจำเลยจะนำรถยนต์ของโจทก์ไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งแต่โจทก์ไม่ยอมกลับนำไปซ่อมที่อู่อีกแห่งหนึ่ง จำเลยจึงไม่ยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์มีปัญหาว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ เห็นว่า เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น คู่กรณีย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ทั้งนี้ตามบทบัญญัติมาตรา 850 และ 852 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น การที่โจทก์จำเลยตกลงกันเกี่ยวกับค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย โดยให้จำเลยจัดการซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 400 บาทจนกว่าจะซ่อมรถยนต์เสร็จ จึงเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทอันเกิดจากมูลละเมิดให้เสร็จไป ถึงแม้ตามสัญญาดังกล่าวจะกำหนดให้จำเลยจัดการซ่อมรถยนต์ของโจทก์แทนที่จะให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินโดยตรง ก็เป็นการตกลงให้จำเลยชำระหนี้ด้วยการกระทำซึ่งอาจมีการบังคับชำระหนี้กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 194 และ 213 หาใช่คู่สัญญายังไม่ได้ตกลงกำหนดความรับผิดของจำเลยให้แน่ชัดดังที่โจทก์ฎีกาไม่เมื่อข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวแล้วเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลละเมิดย่อมระงับสิ้นไป ชอบที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดอีกหาได้ไม่
พิพากษายืน