คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองถูกบังคับให้ต้องชำระราคาค่าที่ดินและบ้านให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด จำเลยทั้งสองต้องขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ทันที การที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องที่ขอให้ไต่สวนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม หากจำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยทั้งสองก็ต้องถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ดังนั้นคำร้องที่จำเลยทั้งสองยื่นมาพร้อมกับอุทธรณ์ จึงเป็นคำร้องขอทุเลาการบังคับตรงตามคำร้องแล้ว มิใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 ตามที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง เมื่อเป็นคำร้องขอทุเลาการบังคับและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอันเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะซึ่งเป็นวิธีการที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้น ๆ ไป จำเลยทั้งสองจึงฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมว่า ข้อ 1 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยอมรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 84484 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ข้อ 2 จำเลยที่ 1 และหรือจำเลยที่ 2 ได้ตกลงขอซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามข้อ 1 จากโจทก์ในราคา 3,600,000 บาท โดย จำเลยทั้งสองจะชำระให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 19 มกราคม 2534 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี และโจทก์ตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามข้อ 1 ให้แก่จำเลย ซึ่งจำเลยตกลงยินยอมชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่าอากรในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เพียงฝ่ายเดียว ข้อ 3 ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ตามข้อ 2 จำเลยทั้งสองยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ตามข้อ 1 ในทันที โดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายใด ๆ จากโจทก์และถ้าจำเลยไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว ก็ให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที และจำเลยทั้งสองยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 40,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะได้ออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ ข้อ 4 โจทก์ยอมตกลงตามข้อ 1, 2และ 3 และยอมตกลงให้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2534 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่าจำเลยทั้งสองได้ติดต่อกับโจทก์เพื่อนำเงินไปชำระค่าซื้อที่ดินและบ้านตามฟ้องคืนแก่โจทก์ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรีในวันที่18 มกราคม 2534 แต่โจทก์ขอผัดไปเป็นวันที่ 21 มกราคม 2534ถึงวันนัดจำเลยทั้งสองไปตามนัดแต่โจทก์ไม่ไป ขอให้ศาลไต่สวนและหมายเรียกโจทก์มาสอบถามและให้โจทก์รับเงินจากจำเลยทั้งสองพร้อมทั้งโอนที่ดินและบ้านให้แก่จำเลยทั้งสอง
โจทก์คัดค้านว่า ในวันนัดโจทก์ไปรออยู่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี แต่จำเลยทั้งสองไม่ไป ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีบังคับให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ต่อไป
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับว่า ตามคำร้องพอแปลได้ว่าจำเลยทั้งสองขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 แต่คดีไม่มีเหตุสมควรให้งดการดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำร้องของ ผู้ร้องในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองฎีกาว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี โดย ถือว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของ จำเลยทั้งสอง เห็นว่า ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นจำเลยทั้งสองถูกบังคับให้ต้องชำระราคาค่าที่ดินให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนดจำเลยทั้งสองต้องขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ทันที การที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องที่ขอให้ไต่สวนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยทั้งสองก็ต้องถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ดังนั้น คำร้องที่จำเลยทั้งสองยื่นมาพร้อมกับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองจึงเป็นคำร้องขอทุเลาการบังคับตรงตามคำร้องแล้วมิใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 ตามที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่อย่างใดเมื่อคำร้องของ จำเลยทั้งสองเป็นคำร้องขอทุเลาการบังคับและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง อันเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะซึ่งเป็นวิธีการที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้น ๆ ไป จำเลยทั้งสองจะฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาหาได้ไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง

Share