คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2541/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยต้องโอนที่ดินให้โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโดยปลอดจำนองให้แก่โจทก์ จึงไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์ชำระราคาแล้วเป็นเงิน 560,000 บาท จำเลยโอนที่ดินให้เพียง 44 ไร่ ยังขาดอีก 106 ไร่ ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดิน 106 ไร่ให้โจทก์ หากโอนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหาย 1,590,000 บาท

จำเลยให้การว่า โจทก์ชำระค่าที่ดินให้จำเลยบางส่วนแล้วผิดนัดไม่ชำระเงินอีก จำเลยต้องไปกู้เงินผู้มีชื่อมาเพื่อชำระให้แก่เจ้าของที่ดินซึ่งจำเลยทำสัญญาซื้อมาขายให้โจทก์อีกต่อหนึ่ง แล้วรับโอนที่ดินมาจำนองไว้แก่ผู้มีชื่อดังกล่าว โจทก์ยอมให้จำเลยเลิกสัญญา ยอมให้ริบมัดจำและค่าที่ดินที่ชำระแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์โดยปลดจำนองให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินที่ค้าง 242,000 บาทแก่จำเลย หากไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยคืนเงิน 390,000 บาท และค่าเสียหายอีก 410,000 บาทแก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์คงจะต้องชำระอีก 56,000 บาทเท่านั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง ให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินที่ค้างจำนวน 63,180 บาท แก่จำเลย หากไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยคืนเงิน 520,000 บาท และค่าเสียหายอีก 410,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยฎีกาว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินค่าที่ดินให้โจทก์เพียง390,000 บาท กับค่าเสียหายอีก 410,000 บาท และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับข้อที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอของโจทก์หรือไม่ ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยต้องโอนที่ดินให้โจทก์ได้โดยปราศจากภาระผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโดยปลอดจำนองให้โจทก์ จึงไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share