แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยืนอยู่หน้าตึกแถวที่มีประตูเหล็กยึดปิดกั้นพร้อมด้วยกุญแจที่ไขประตูเหล็กผ่านเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีหญิงหลายคนถูกกักขังในบ้านเพื่อร่วมประเวณีกับชาย จำเลยไม่ได้นำสืบว่ามีรายได้พอดำรงชีพ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282, 286 และพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีฯ ความผิดฐานดำรงชีพอยู่ด้วยรายได้จากหญิงโสเภณี ตามมาตรา 286 เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าสำนักดูแลสถานการค้าประเวณี ต้องลงโทษบทหนักตามมาตรา 286 จำคุก 2 ปี ตามมาตรา 283 จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “บ้านที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังของตึกแถวมีห้องสำหรับให้ชายหญิงร่วมประเวณีจำนวน 11 ห้อง มีห้องกั้นฝาด้วยกระจกให้ชายดูหญิงที่นั่งอยู่ในห้องกระจก แล้วเลือกหญิงไปร่วมประเวณี บ้านที่เกิดเหตุเป็นสถานค้าประเวณี หาประโยชน์รายได้จากการที่หญิงในสถานที่นั้นร่วมประเวณีกับชาย ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 รับว่า เป็นเจ้าสำนักดูแลสถานการค้าประเวณีนั้นจำเลยที่ 1 ถูกจับขณะยืนอยู่หน้าตึกแถวที่มีประตูเหล็กยึดปิดกั้น พร้อมด้วยกุญแจที่ไขประตูเหล็กผ่านเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุมีหญิงถูกกักขังในบ้านที่เกิดเหตุเพื่อร่วมประเวณีกับชายเป็นจำนวน 14 คน ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 อยู่ร่วมกับหญิงซึ่งค้าประเวณี ได้รับประโยชน์รายได้จากการค้าประเวณีของหญิง ที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่าจำเลยที่ 1 เช่าบ้านที่เกิดเหตุ แล้วแบ่งให้หญิงที่ทำงานบาร์ หญิงอาบนวด และหญิงโสเภณีเช่าห้องละ 10 บาท เก็บค่าเช่าเป็นรายวัน วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไปเก็บค่าเช่านั้น ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ จำเลยที่ 1 มีอายุ 40 ปีอ้างว่ามีอาชีพรับจ้างแต่จำเลยที่ 1 มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีอาชีพรับจ้างทำอะไร มีรายได้เท่าไร และมีปัจจัยเพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีอายุกว่า 16 ปีดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น