คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคแรก ได้กำหนดให้การได้มาซึ่งทรัพยสิทธิที่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจใช้ยันและไม่อาจบังคับบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นคู่สัญญาเท่านั้น มิได้เป็นการกำหนดให้นิติกรรมนั้นในส่วนที่เป็นบุคคลสิทธิตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไป นิติกรรมดังกล่าวจึงยังคงมีผลผูกพันบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา ดังนั้น แม้จะได้ความว่า ข้อตกลงเรื่องภาระจำยอมตามฟ้องระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นข้อตกลงที่มิได้จดทะเบียนไว้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่จำเลยฎีกา ข้อตกลงดังกล่าวก็ใช้บังคับกันได้ในระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยได้ตกลงทำถนนในที่ดินของโจทก์ทั้งสองและจำเลยส่วนที่มีเขตติดต่อกันเพื่อใช้เป็นทางร่วมกันและตกลงกันว่าจะไปทำการจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่กัน ต่อมาโจทก์ทั้งสองได้ถมดินเป็นถนนจนเสร็จตามที่ตกลงกัน แต่จำเลยกลับนำก้อนหินใหญ่ไปปิดกั้นถนนในส่วนที่ดินของจำเลย ทำให้โจทก์ทั้งสองไม่สามารถใช้ถนนที่ทำขึ้นได้ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 47977 ตำบลบางมด อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ของจำเลย จากหลักเขตที่ดินเลขที่ 4848 ถึงหลักเขตที่ดินเลขที่ 5594 กว้าง 3 เมตร ตกเป็นภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 47979 ตำบลบางมด อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และถ้าไม่สามารถจดทะเบียนภาระจำยอมได้ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ทั้งสองหรือตัวแทนให้ทำการถมดินเพื่อทำเป็นถนนในที่ดินของโจทก์ทั้งสองและจำเลย ทั้งจำเลยไม่เคยตกลงที่จะจดทะเบียนภาระจำยอมระหว่างที่ดินของจำเลยและที่ดินของโจทก์ทั้งสองให้แก่กันตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยถึงแก่ความตาย นายชนินทร์ ศรีคล้อย ทายาทของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่ 47977 ตำบลบางมด อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จากหลักเขตที่ดินเลขที่ 4848 ถึงหลักเขตที่ดินเลขที่ 5594 กว้าง 3 เมตร เป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 47979 ตำบลบางมด อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่จดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าวให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ถ้าจำเลยไม่อาจจดทะเบียนภาระจำยอมนั้นให้โจทก์ได้ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 108,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 20 สิงหาคม 2540) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ข้อตกลงเรื่องภาระจำยอมระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีการจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก นั้น เห็นว่า ตามบทกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้การได้มาซึ่งทรัพยสิทธิที่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจใช้ยันและไม่อาจบังคับบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นคู่สัญญาเท่านั้น มิได้เป็นการกำหนดให้นิติกรรมนั้นในส่วนที่เป็นบุคคลสิทธิตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไป นิติกรรมดังกล่าวจึงยังคงมีผลผูกพันบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา ดังนั้น แม้จะได้ความว่า ข้อตกลงเรื่องภาระจำยอมตามฟ้องระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นข้อตกลงที่มิได้จดทะเบียนไว้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่จำเลยฎีกาข้อตกลงดังกล่าวก็ใช้บังคับกันได้ในระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share