แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แม้จะมีคำขอตามฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตามแต่ประเด็นข้อพิพาทที่แท้จริงของคดีก็คือ โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ส่วนคำขอที่ขอให้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นว่าสิทธิครอบครองเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสองแสนบาท จำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจให้การรับฟังพยานหลักฐานเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายก๋อง ราชคม ได้ยกที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 397ให้โจทก์แต่ยังไม่ทันได้จดทะเบียนโอนให้โจทก์ นายก๋องถึงแก่ความตายในปีเดียวกัน โจทก์คงครอบครองทำกินในที่ดินดังกล่าวโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากกว่า 20 ปี โจทก์ได้ติดต่อกับจำเลยในฐานะทายาทผู้จัดการมรดกของนายก๋องให้จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ แต่ตกลงกันไม่ได้ ขอให้มีคำสั่งแสดงว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 397 เป็นของโจทก์ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่ศาลพิพากษา หากจำเลยไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นายก๋องไม่เคยยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ หลังจากนายก๋องถึงแก่ความตายโจทก์ได้ลักเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทไป จำเลยทวงถามให้โจทก์คืนแล้วโจทก์บ่ายเบี่ยงโดยเรียกเงิน 200,000 บาท โจทก์ไม่เคยครอบครองที่พิพาทจำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมา ขอให้ยกฟ้อง ให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งเพราะโจทก์ได้ครอบครองทำกินโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาโจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาท ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 397 รายพิพาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแม้จะมีคำขอตามฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตาม แต่ประเด็นข้อพิพาทที่แท้จริงของคดีก็คือโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ส่วนคำขอที่ขอให้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้น ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นว่าสิทธิครอบครองเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง เว้นแต่ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลอุทธรณ์ได้มีความเห็นแย้งหรือผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นก็ดี ศาลอุทธรณ์ก็ดีได้รับรองไว้หรือรับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้”เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีราคาที่ดินพิพาทกันในชั้นฎีกาสองแสนบาทจำเลยฎีกาในดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยว่าความจริงนายก๋อง ราชคม เจ้ามรดก ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์เป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง และไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยมาโดยเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย