แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย” ว่าหมายรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย เพราะฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัตินี้ จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน จำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ชนิดเมทแอมเฟตามีนให้สายลับ 1 เม็ด และต่อมาในเวลาใกล้เคียงกัน ตรวจค้นได้จากจำเลยอีก 15 เม็ด วัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวทั้ง 16 เม็ด จึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวคือการขาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและปราสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 62,89, 106, 116 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520)เรื่องระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาม พ.ศ. 2518 ลงวันที่ 18 มกราคม2520 ประเภท 2 ข้อ 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4ริบยาม้าของกลาง ธนบัตรของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ฐานขายและมีไว้ในครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอดไรด์ ตามาตรา 13 ประกอบมาตรา 89และตามมาตรา 62 ประกอบมาตรา 106 รวม 2 กระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว ฐานขายลงโทษจำคุก5 ปี ฐานมีไว้ในครอบครองลงโทษจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 6 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงเหลือจำคุก 2 ปี 9 เดือน ริบของกลางส่วนธนบัตรของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ชนิดเมทแอมเฟตามีน ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง,89 เพียงกระทงเดียว จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานขายและมีไว้ในครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เป็น2 กระทงความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และให้ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงกระทงเดียว เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก คงมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมายขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ได้บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ขาย” ว่าหมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขายฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน จากข้อเท็จริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังได้ความว่า จำเลยขายวัตถุออกฤทธิ์ชนิดเมทแอมเฟตามีนให้สายลับ1 เม็ด และต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันตรวจค้นได้จากจำเลยอีก 15 เม็ดวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวนั้น 16 เม็ดจึงเป็นสำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวคือการขาย…”
พิพากษายืน.