คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในโรงงานสุราสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบข้อบังคับของโรงงานสุรา แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้บรรจุแต่งตั้งก็ตาม ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก ไม่ต้องรับอนุมัติจาก ก.พ. การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งเป็นไปตามข้อบังคับของโรงงานสุรา ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จำเลยได้รับเงินเดือนจากรายได้ ของโรงงานสุราไม่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เมื่อจะออกจากงานก็ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญ จำเลยทำงานอยู่ในโรงงานสุราโดยมีค่าจ้าง ฐานะของจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างของโรงงานสุราเท่านั้น ถือว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๔ ทำผิดขณะเป็นเจ้าพนักงาน คือจำเลยที่ ๑ เป็นผู้อำนวยการโรงงานสุรา จำเลยที่ ๒ เป็นหัวหน้ากองบัญชี จำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้ากองพัศดุ จำเลยที่ ๔ เป็นประจำแผนกรักษาพัศดุ ได้สมคบกันทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานหาประโยชน์อันมิควรได้ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๑๗๒ ฐานเป็นเจ้าพนักงานจ่ายเงินเกินกว่าที่ควรจ่ายตาม มาตรา ๑๓๔ และฐานขัดขวางมิให้การเป็นไปตาม กฎหมายและข้อบังคับตาม มาตรา ๑๔๖
จำเลยทั้ง ๔ ปฏิเสธต่อสู้ว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปโดยสุจริต และว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ ๑๒ ปากแล้วสั่งงดสืบ วินิจฉัยว่าคำฟ้องมุ่งหมายที่จะให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่โดยสุจริต แต่ที่โจทก์นำสืบมาได้ความว่า จำเลยเป็นพนักงานของโรงงานสุรา มิได้เป็นข้าราชการพลเรือน มิได้รับเงินเดือนจากงบประมาณประเภทเงินเดือนในกระทรวงทบวงกรมฝ่ายพลเรือน ศาลชั้นต้นจึงเห็นว่าจำเลยทั้ง ๔ ไม่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องจะเป็นความผิดฐานอื่นซึ่งโจทก์มิได้ขอมาท้ายฟ้องอันจะทำให้ศาลลงโทษจำเลยในฐานนั้นมีบ้างหรือไม่ เห็นว่า นอกจากความผิดตามกฎหมายที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้องแล้ว การกระทำของจำเลยหากจะผิดในฐานอื่นก็คงมีแต่ความผิดฐานยักยอกเพียงฐานเดียว แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีเพียงว่า จำเลยมีหน้าที่จัดซื้อและสั่งจ่ายเงินแผ่นดินแล้ว จำเลยได้จ่ายเงินแผ่นดินเกินไปกว่าที่จะต้องจ่ายเท่านั้น มิได้มีข้อความว่าจำเลยมีหน้าที่ปกครองทรัพย์ คือ เงินแผ่นดินแล้วจำเลยบังอาจเบียดบังเอาเงินของแผ่นดินไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือของผู้อื่นอันเป็นองค์ประกอบในความผิดฐานยักยอกเลย แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในฐานยักยอก
คงประสงค์แต่จะให้ลงโทษในฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ตาม มาตรา ๑๗๒,๑๓๔ เท่านั้น จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
คดีนี้มีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างซึ่งฟังมาว่า จำเลยทั้ง ๔ ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในโรงงานสุราตามระเบียบข้อบังคับของโรงงานสุรา แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้บรรจุแต่งตั้งก็ตาม ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก ไม่ต้องรับอนุมัติจาก ก.พ. การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งก็เป็นไปตามข้อบังคับของโรงงานสุรา ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จำเลยได้รับเงินเดือนจากรายได้ของโรงงานสุรา ไม่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดินเมื่อจะออกจากงานก็ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วย บำเหน็จบำนาญ จำเลยทำงานอยู่ในโรงงานสุราโดยมีค่าจ้าง ฐานะของจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างของโรงงานสุราเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า แม้จะถือว่าจำเลยมิใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย ศาลก็อาจลงโทษจำเลยฐานยักยอกได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้กล่าวหาเป็นฟ้องฐานยักยอกเข้ามา จึงเป็นเรื่องโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในฐานนี้ ศาลจึงมิอาจลงโทษจำเลยในฐานยักยอกได้
ส่วนที่โจทก์ขอสืบพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้มีโอกาศสืบพยานโจทก์โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ในประเด็นอันเป็นข้อตัดฟ้องนี้มาอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายปรากฏชัดแจ้งว่า จำเลยมิใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย การนำสืบต่อไปก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share