แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้การประปานครหลวงจำเลยจ่ายค่าชดเชย จำเลยให้การว่าได้จ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ซึ่งถือว่าเป็นค่าชดเชยให้โจทก์ไปแล้ว และฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินดังกล่าวดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จึงอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานที่จะพิจารณาพิพากษาตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา8(1)
การเสนอคำฟ้องแย้งนั้น ผู้เสนอต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา55 การยืนยันว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ที่จ่ายไปนั้นเป็นค่าชดเชย จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินดังกล่าว คดีไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายแพ่ง ต้องพิพากษายกฟ้องแย้ง
ย่อยาว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เป็นเงิน 10,442 บาท 66 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันที่เลิกจ้างจนถึงวันชำระเสร็จฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยอุทธรณ์เป็นประการสุดท้ายว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคดีแรงงาน ไม่ใช่ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข และข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 เป็นโมฆะทั้งฉบับ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินจำนวน 10,442 บาท 66 สตางค์ จึงต้องคืนเงินจำนวนนี้แก่จำเลยตามฟ้องแย้ง พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย จำเลยให้การว่า เมื่อโจทก์ออกจากงานจำเลยได้จ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ตามข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 ว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์และการสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการประปานครหลวง พ.ศ. 2511 ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 10,442 บาท 66 สตางค์ เงินจำนวนนี้ตามข้อบังคับของจำเลยถือว่าเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานด้วย จึงถือได้ว่าโจทก์ได้รับค่าชดเชยไปจากจำเลยครบถ้วนแล้ว และฟ้องแย้งว่า หากศาลจะฟังว่าข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 ข้อ 14 ที่ให้ถือว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ที่จ่ายให้โจทก์เป็นค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วยนั้น ไม่ชอบ ไม่มีผลบังคับดังวินิจฉัยไว้ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 464/2524 แล้ว การที่โจทก์รับเงินกองทุนสงเคราะห์ไปจากจำเลยย่อมเป็นการไม่ชอบ และไม่มีสิทธิรับเงินได้จะต้องคืนให้จำเลย จึงขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์และบังคับโจทก์ให้คืนเงินกองทุนสงเคราะห์จำนวน 10,442 บาท 66 สตางค์ แก่จำเลย ดังนี้ เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จึงอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานที่จะพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 อย่างไรก็ดีการเสนอคำฟ้องแย้งต่อศาลนั้น ผู้เสนอจะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายแพ่ง ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แต่คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ไปนั้นเป็นค่าชดเชย ฉะนั้น จำเลยก็ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินกองทุนสงเคราะห์แก่จำเลย คดีไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายแพ่ง”
พิพากษายืน