แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 เป็นเพียงบทสันนิษฐานเพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในภาค 4 ว่าด้วยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ที่ให้ถือว่าบุคคลตามที่ระบุไว้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีเท่านั้น มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากที่ระบุไว้แล้วจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดโดยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่แจ้งแก่ผู้เข้าสู้ราคา ทำให้ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นกรณีที่ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและเป็นเหตุโดยตรงให้ผู้ร้องที่ 2 ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองมีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ข้อโต้แย้งว่าราคาทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดต่ำหรือไม่ เป็นข้อโต้แย้งหรือส่วนได้เสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 โดยตรงผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคา ไม่มีสิทธิกล่าวอ้างในประเด็นดังกล่าว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 20,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2539 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินจำนวน 8 แปลงตามโฉนดเลขที่ 4751,243275 และ 243295 ถึง 243300 แขวงคลองตัน (บางกะปิฝั่งใต้)เขตคลองเตย (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ปรากฏว่าบริษัทยู แอนด์ ไอ ซัพพลาย จำกัด ประมูลได้ในราคาสูงสุดเป็นเงิน 492,000,000 บาท
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องเป็นทำนองเดียวกันว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ในราคาต่ำไป ไม่พอชำระหนี้แก้เจ้าหนี้มีบุริมสิทธิ เป็นเหตุให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ไม่ได้รับชำระหนี้ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้สู้ราคาในการขายทอดตลาดก่อนขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคดีนี้ขายรวมกัน 8 แปลง หากจะอนุมัติการขายต้องเสนอผู้บังคับบัญชาก่อน ในการประมูลหากมีผู้เสนอราคาเพิ่มขึ้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขานราคาและนับหนึ่ง และขานราคาและนับสอง ครั้งละ 3-4 หนถ้าไม่มีผู้เสนอราคาเพิ่มขึ้นก็จะนับสามและเคาะไม้ตกลงขายให้แก่ผู้สู้ราคาสูงสุด ได้เริ่มขายตลาดที่ราคา 390,000,000 บาท มีผู้เสนอราคาเพิ่มขึ้นจนถึง 490,000,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ขานราคาและนับหนึ่งแต่ชี้ไปที่ผู้สู้ราคารายหนึ่งและถามว่าจะสู้ราคาเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผู้สู้ราคารายนั้นเสนอราคา 492,000,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขานราคาและนับหนึ่ง ขานราคาและนับสองแล้วแจ้งว่าจะหยุดการขายทอดตลาดชั่วคราวเพื่อขออนุมัติการขายหลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศว่าผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้ขาย แล้วนับสามพร้อมกับเคาะไม้ตกลงขาย ผู้ร้องที่ 2 ยกมือเสนอราคาเพิ่มอีก 1,000,000 บาท ก็ไม่สามารถเสนอได้ทัน เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้เดินออกไปจากบริเวณที่ขายทอดตลาด และบริเวณนั้นก็ไม่มีผู้บังคับบัญชายืนอยู่ด้วย ทำให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาของเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่อนุมัติให้ขาย ไม่สามารถเสนอราคาได้ทัน การขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 230/2530ที่กำหนดว่า ในกรณีที่มีผู้สู้ราคาตั้งแต่ 500,000 บาท ขึ้นไป หรือทรัพย์ที่ขายนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาขณะยึดตั้งแต่500,000 บาท ขึ้นไป หากเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควรขายให้รายงานอธิบดีหรือรองอธิบดีผู้ได้รับมอบหมายเพื่อขออนุมัติก่อนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายทอดตลาดมีราคาไม่น้อยกว่า 650,000,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีตกลงขายในราคาต่ำ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำคัดค้าน
เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือรายงานข้อเท็จจริงในการขายทอดตลาดว่า ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนชอบด้วยระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดี พ.ศ. 2522 และคำสั่งกรมบังคับคดีทุกประการก่อนเคาะไม้ปรึกษาผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้วเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่เข้าด้วยกันและศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ววินิจฉัยว่า ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่
ผู้ร้องที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องที่ 2 มิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ พิพากษายืน
ผู้ร้องที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องที่ 2 เป็นประการแรกว่า ผู้ร้องที่ 2 มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าแม้ผู้ร้องที่ 2 มิได้เป็นบุคคลตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 บัญญัติไว้กล่าวคือผู้ร้องที่ 2 มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัด และมิใช่ผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือผู้ที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องที่ถูกบังคับคดี แต่บทบัญญัติตามมาตรา 280 ดังกล่าวเป็นเพียงบทสันนิษฐานเพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในภาค 4 ว่าด้วยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ให้ถือว่าบุคคลตามที่ระบุไว้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีเท่านั้นมิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา 280 แล้วจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีไม่ได้ สำหรับกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีไปโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่ใช้บังคับในขณะขายทอดตลาดและขณะที่ผู้ร้องที่ 2 ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดี หรือวิธีการบังคับใด ๆ หรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการใด ๆ แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควร คดีนี้นอกจากผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้เข้าสู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้ร้องที่ 2 ยังอ้างด้วยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้แจ้งแก่ผู้เข้าสู้ราคา และมีผลทำให้ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้น เป็นกรณีที่ผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง และเป็นเหตุโดยตรงให้ผู้ร้องที่ 2ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น ผู้ร้องที่ 2 จึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองผู้ร้องที่ 2 มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่า ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องที่ 2 ในข้อนี้ฟังขึ้น
สำหรับปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องที่ 2 ที่ว่า มีเหตุจะเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องที่ 2 ไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดจึงไม่ได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน เห็นว่า ตามคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดผู้ร้องที่ 2 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งว่าจะหยุดการขายชั่วคราวเพื่อขออนุมัติการขายแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีกลับประกาศว่าผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้ขายแล้วนับสามพร้อมกับเคาะไม้ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้เดินออกไปจากบริเวณที่ขายทอดตลาด ทำให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาของเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่อนุมัติให้ขาย และเป็นเหตุให้ผู้ร้องที่ 2เสนอราคาเพิ่มไม่ทัน แต่ในชั้นไต่สวนนายศักรพล โลณวัณต์ กรรมการผู้จัดการและเป็นผู้กระทำการแทนผู้ร้องที่ 2 ในการสู้ราคากลับเบิกความว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหยุดการขายเพื่อขออนุมัติผู้บังคับบัญชาขณะเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าไปขออนุมัติผู้บังคับบัญชา ผู้ร้องที่ 2กำลังจะเสนอราคาเพิ่มอีก 1,000,000 บาท หลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีออกมาประกาศว่าผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้ขาย ข้ออ้างของผู้ร้องที่ 2 ที่ว่า เสนอราคาเพิ่มไม่ทันเพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ออกไปจากบริเวณที่ขายทอดตลาด ทำให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาของเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่อนุมัติให้ขายจึงรับฟังไม่ได้ และตามที่นายศักรพลเบิกความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีหยุดการขายทอดตลาดเข้าไปขออนุมัติผู้บังคับบัญชา ประกอบกับรายงานการอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีเอกสารหมายร.5 แผ่นที่ 1 ก็มีข้อความบันทึกไว้ว่า “คดีนี้ได้เรียนปรึกษากับท่านรองฯไกรสร บารมีอวยชัย แล้วได้รับอนุมัติให้ขาย จึงอนุมัติให้เคาะไม้ขายไป”เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 230/2530 แล้ว ส่วนที่ผู้ร้องที่ 2 ฎีกาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดในราคาต่ำไป เห็นว่าข้อโต้แย้งที่ว่าราคาทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดต่ำหรือไม่นั้น เป็นข้อโต้แย้งหรือส่วนได้เสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 280 โดยตรงไม่เกี่ยวกับผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคาแต่อย่างใด ผู้ร้องที่ 2 จึงไม่มีสิทธิกล่าวอ้างหรือฎีกาในประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน