คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทได้ ดังนี้ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา แต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไปซึ่งคู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติจำกัดห้ามไว้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดีนั้น เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา292(2) แม้บทกฎหมายมาตรานี้จะใช้คำว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีเมื่อศาลได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง หาได้มีความหมายว่าคำสั่งให้งดการบังคับคดีจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยโดยฝ่าฝืนคำสั่งให้งดการบังคับคดี ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ได้ขอให้ดำเนินการบังคับคดีกับจำเลย
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2527 เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งศาลแพ่งขอให้แจ้งศาลจังหวัดปทุมธานีสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย ศาลแพ่งมีคำสั่งตามที่ขอ และในวันเดียวกันจำเลยได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ กับขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพื่อรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดี จนกว่าศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ปรากฎว่า ในวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการยึดทรัพย์จำเลยไว้บางส่วนตามที่ผู้แทนโจทก์นำยึด
จำเลยจึงยื่นคำร้องลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 ว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยที่จังหวัดปทุมธานีผู้แทนจำเลยได้แจ้งให้ผู้แทนโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน แต่ผู้แทนโจทก์ไม่เชื่อและทำการยึดทรัพย์จำเลย จึงขอให้ศาลแพ่งแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี และศาลจังหวัดปทุมธานีทราบ และมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า การยึดทรัพย์จำเลยกระทำเมื่อวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งของศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ในวันที่ 3ธันวาคม 2527 การยึดทรัพย์จึงชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้กระทำไปก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทราบคำสั่งศาล จึงไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทนี้ได้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดปทุมธานีดำเนินการยึดทรัพย์ไปโดยไม่ทราบว่ามีคำสั่งให้งดการบังคับคดีก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถูกต้องตามคำสั่งศาลแพ่ง เพราะศาลแพ่งสั่งงดการบังคับคดีไว้แล้ว ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจักต้องปฏิบัติตาม เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขตามที่เห็นสมควรได้ พิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ตามคำร้องของจำเลยค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายในชั้นบังคับคดีและค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทกืฎีกาประการแรกว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อ2 ข. ที่ว่าการบังคับคดีภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้งดบังคับคดีเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟังไม่ขึ้นฎีกาของโจทก์ข้อนี้หาได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดไม่ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฎีกาประการต่อมาว่า คำสั่งของศาลแพ่งลงวันที่ 18 มกราคม2528 ที่ว่า การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายจึงไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทได้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนี้ไว้จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา แต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติจำกัดห้ามไว้ ศาลอุทธรณ์หาได้รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังโจทก์ฎีกาไม่
ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่า อุทธรณ์ของจำเลยเพียงกล่าวลอย ๆ ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีควรจะทราบคำสั่งของศาลแพ่งแล้ว ไม่เป็นการยืนยันว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งของศาลแพ่งวันใดจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแปลความหมายได้ว่าศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้กล่าวในอุทธรณ์ของจำเลยไว้โดยละเอียดชัดแจ้งแล้วว่า เจ้าหน้าที่ศาลได้ทำหนังสือฉบับลงวันที่ 28พฤศจิกายน 2527 ถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีให้งดการบังคับคดีไว้เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่อาจอ้างได้ว่าเพิ่งทราบคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2527 ข้อความที่จำเลยอุทธรณ์จึงหาได้มีแต่เฉพาะที่โจทก์อ้างในฎีกาไม่ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่กล่าวชัดแจ้งแล้ว ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยชอบแล้ว
โจทก์ฎีกาเป็นประการสุดท้ายว่า ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 295 ทั้งไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีด้วยในปัญหานี้ได้ความว่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2527 ที่ศาลแพ่งได้แจ้งศาลจังหวัดปทุมธานีให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์นั้น ในวันเดียวกันนั้นเองปรากฏว่าจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีไว้ เพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้วและศาลแพ่งได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่า ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดีด้วย แต่ปรากฏว่าศาลแพ่งเพิ่งจะมีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ให้งดการบังคับคดีเอาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2527 ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีทำการยึดทรัพย์รายพิพาทของจำเลยในวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2529 จึงยังไม่ทราบคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลแพ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีเพิ่งทราบคำสั่งอันหลังนี้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม2527 จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้งดการบังคับคดี เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292 (2) แม้บทกฎหมายมาตราดังกล่าวจะใช้คำว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดี เมื่อศาลได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง หาได้มีความหมายเลยไปถึงว่าคำสั่งให้งดการบังคับจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่ดังนั้นเมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีในวันที่ 21พฤศจิกายน 2527 และได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดี ให้งดการบังคับคดีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2527คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีจะอ้างว่า เพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดีในภายหลังก็ตาม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปุทมธานีทำการยึดทรัพย์จำเลยทั้งในวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527จึงเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลแพ่ง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ไม่ถูกต้องนั้นได้ และคำสั่งดังกล่าวหาใช่เป็นการถอนการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 295 ไม่ และดังนั้นจึงไม่จำต้องมีกรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางเงินต่อศาลหรือต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงจะถอนการบังคับคดีได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1)ทั้งไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีการขอทุเลาการบังคับคดีดังโจทก์ฎีกาแต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์จำเลยโดยฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้งดการบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ตามคำร้องของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาเป็นพับ”.

Share